MGR Online - ศาลอาญาธนบุรียกฟ้องหนุ่มนครพนม หลังตกเป็นแพะฉกเพชร 15 ล้าน ติดคุกฟรี 7 เดือน ชี้หลักฐานโจทก์อ่อน มีพิรุธ ส่วนจำเลยมีพยานยืนยันว่าขณะเกิดเหตุป่วยอยู่นครพนม รองปลัดยุติธรรมตำหนิ ตร.ไม่ตรวจหาดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัย ควรทำคดีให้รอบคอบมากกว่านี้
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 16 ศาลอาญาธนบุรี ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีวิ่งราวทรัพย์หมายเลขดำที่ อ.2260/ 2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ ชาว จ.นครพนม เป็นจำเลยในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2559 จำเลยได้กระทำผิดโดยวิ่งราวทรัพย์เพชรมูลค่า 15.8 ล้านบาท จากผู้เสียหายรายหนึ่งภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่ จ.นครพนม
ทั้งนี้ ผู้เสียหายยืนยันพร้อมกับชี้ตัวนายพิสิษฐ์ จำเลยว่าเป็นคนร้ายในคดี ขณะที่นายพิสิษฐ์ จำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด โดยอ้างสถานที่อยู่ว่าช่วงเกิดเหตุตนมีอาการปวดท้องจึงเข้ารักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม พร้อมนำแพทย์และใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่ผู้กระทำผิดตัวจริง น่าจะมีชื่อและนามสกุลซ้ำกันกับของตน
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า คดีนี้พยานโจทก์ 2 รายซึ่งอ้างว่าเคยเห็นคนร้ายถึง 2 ครั้ง เบิกความยืนยันว่าคนร้ายมีรูปร่างท้วม ผิวดำแดง สูงประมาณ 158 ซม. ริมฝีปากล่างเผยอออกมา และเมื่อทนายจำเลยนำภาพถ่ายของจำเลยไปให้พยานชี้ตัวก็ยืนยันว่า จำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ
ขณะที่ผู้เสียหายซึ่งได้ซื้อขายเพชรราคา 15.8 ล้านบาทกับคนร้ายที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางแวก กลับเบิกความสับสนถึงรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และจำเลย ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่ตรวจหาดีเอ็นเอที่เกิดเหตุที่คนร้ายนั่งคุยกับผู้เสียหายเพื่อมาเปรียบเทียบว่าใช่จำเลยหรือไม่ รวมทั้ง หมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้เสียหายอ้างว่าคนร้ายใช้หมายเลขนี้โทร.มาติดต่อเรื่องการซื้อเพชร และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการจดทะเบียนซิมการ์ดพบว่าเป็นชื่อของนายพิสิษฐ์ จำเลยจริง แต่พนักงานสอบสวนไม่หาหลักฐานมายืนยันว่าในการจดทะเบียนซิมการ์ดนั้นนายพิสิษฐ์ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนของตนไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ของเอไอเอสด้วยตนเองหรือไม่ พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นจำเลยตามฟ้องโจทก์ ขณะที่จำเลยนำพยานบุคคลที่อยู่ใน จ.นครพนม มาเบิกความเกี่ยวกับเรื่องถิ่นที่อยู่ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยพักอยู่ที่ จ.นครพนมจริง ดังนั้นศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีก พิพากษายกฟ้อง ออกหมายปล่อยจำเลย
หลังทราบคำพิพากษาแล้ว นายพิสิษฐ์ได้ก้มลงกราบมารดาภายในห้องพิจารณาคดี และเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมที่ให้การช่วยเหลือทางคดี ที่เข้าไปแสดงความยินดีแก่นายพิสิษฐ์ด้วย หลังจากที่นายพิสิษฐ์ถูกจำคุกระหว่างสู้คดีมาเป็นเวลา 7 เดือน
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คดีนี้หลังจากกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนจากญาติจำเลย จึงสั่งการให้ดีเอสไอตรวจสอบพยานหลักฐานจึงพบพิรุธหลายเรื่อง การที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในวันนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นบรรทัดฐานให้แก่สังคม และพนักงานสอบสวนควรทำคดีให้มีความรอบคอบ ขณะที่มารดาของนายพิสิษฐ์กล่าวว่า ดีใจมากที่ลูกชายพ้นผิด ที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจลูกชายมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลออกหมายปล่อยตัวจำเลยแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำหมายปล่อยจากศาลดังกล่าวไปปล่อยตัวนายพิสิษฐ์ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ย่านบางบอน ในช่วงเย็นวันนี้
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด จำเป็นต้องพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้พนักงานสอบสวนสอบไม่สิ้นกระแสความยังไง ซึ่งจะต้องตรวจสอบก่อนว่ามีจุดใดบกพร่องบ้าง ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาก่อน