MGR Online - กองปราบปรามงัดกฎหมายฟอกเงินเอาผิดแก๊งติวเตอร์หน้ารามฯ ตุ๋นรับราชการ เหยื่อเพิ่ม 7 ราย แอบอ้างนายพล-นายพัน-ดร. หลอกเหยื่อฝากเข้าทำงานทำงาน กฟภ.ในพื้นที่ภาคอีสาน เสียหาย 4 ล้าน
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1.บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ป.จับกุมตัว นายวีระชัย กาละภักดี อายุ 41 ปี อาจารย์ติวเตอร์สถาบันอักษรราม ย่านรามคำแหง หลังก่อเหตุตุ๋นเหยื่ออ้างว่าฝากเข้ารับราชการ มูลค่าความเสียหาย 30 ล้านบาทว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ป.เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันอักษรราม ว่าบุคคลระดับสูงที่ปรากฏชื่ออยู่ในเว็บไซต์ของสถาบันดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่ เนื่องจากภายในเว็บไซต์ของสถาบันนั้นมีการระบุชื่อบุคคลระดับสูงซึ่งมียศตำแหน่งตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท. จนถึงระดับ พ.ต.อ. และ ดร.จำนวนหลายคน เข้ามาร่วมอยู่ในตำแหน่งของที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สถาบันอักษรราม จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นการแอบอ้างหรือบุคคลเหล่านี้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่
พ.ต.อ.ธงชัยกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อมูลแผนประทุษกรรมของนายวีระชัยที่ผ่านมา พบว่ามีการกระทำผิดลักษณะฉ้อโกงดังกล่าวหลายครั้ง และมีผู้เสียหายเป็นจำนวนหลายราย ถือเป็นการกระทำความผิดที่เข้าข่าย ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ เป็นความผิดที่สามารถดำเนินการทางกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินได้ซึ่งแตกต่างจากคดีฉ้อโกงทั่วไป ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งรวบรวมข้อมูลประวัติทางคดีของนายวีระชัยเพื่อเตรียมประสานข้อมูลให้ ปปง.ดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายฟอกเงินเพื่อจะดำเนินการยึดทรัพย์ รวมถึงได้สั่งการให้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่านอกจากนายวีระชัยแล้วยังมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ที่คอยทำหน้าที่ในการหาเหยื่อมาให้ผู้ต้องหารายนี้อีกหรือไม่ และตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดผู้ต้องหารายนี้ถึงเลือกหลอกลวงเยื่อเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน
พ.ต.อ.ธงชัยกล่าวอีกว่า ทั้งนี้อยากขอความร่วมมือไปยังผู้เสียหายที่ถูกนายวีระชัยหลอกลวงแต่ยังไม่เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีในท้องที่ไหน ให้รวมตัวกันมาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดได้ว่าการกระทำของนายวีระชัยนั้นเข้าข่ายความผิดในฐานฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมานายวีระชัยมักจะถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งสามารถยอมความได้ แต่หากเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนนั้นจะมีโทษที่หนักกว่าความผิดฐานฉ้อโกง และเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ก็มีผู้เสียหายจำนวน 3-4 ราย เดินทางมาเข้าให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามบ้างแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ทางด้าน ร.ต.อ.ประดิษฐ์ อัศวภูมิ รอง สว.สอบสวน สภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ได้เบิกตัวนายวีระชัยออกจากห้องคุมขังเพื่อนำตัวไปส่งฝากขังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ในผัดแรก โดยในเบื้องต้นนั้นทางพนักงานสอบสวน สภ.คำม่วง ได้มีการยื่นเรื่องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหารายนี้เนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างเยอะ ขณะเดียวกันก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจากท้องที่ต่างๆ เดินทางนำหมายศาลในคดีฉ้อโกงค้างเก่ามารอยื่นเพื่อขออายัดตัวไปดำเนินคดีต่ออีกหลายแห่ง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ทางด้านพนักงานสอบสวน สภ.คำม่วง ได้มีการติดต่อประสานไปยังผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าอยู่ร่วมในขบวนการเดียวกันกับนายวีระชัย ตามคำให้การของผู้เสียหายแล้วจำนวน 2 ราย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ อบจ.หนองบัวลำภู และชายไม่ทราบชื่อ เป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างองค์การบริหารส่วนตำบลโนนแหลมทอง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอนัดหมายให้เดินทางมาเข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถติดต่อได้เพียง 1 รายเท่านั้น คือ เจ้าหน้าที่ อบจ.หนองบัวลำภู และรับปากว่าจะเดินทางมาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างองค์การบริหารส่วนตำบลโนนแหลมทอง จ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงกำหนดเส้นตายภายในสัปดาห์นี้หากยังไม่มาพบเจ้าหน้าที่ก็จะมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 และหากยังไม่มาตามกำหนดหมายเรียกทั้ง 2 ครั้งก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไปในทันที
นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ยังได้รับแจ้งประสานข้อมูลจากทางสถานีตำรวจภูธรในท้องที่ภาคอีสานอีกหลายแห่งว่า ในช่วงตลอดวันที่ผ่านมามีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความเอาผิดกับนายวีระชัยเพิ่มเติมรวม 7 ราย โดยทั้งหมดถูกหลอกว่าจะพาฝากเข้าทำงานในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 4 ล้านบาท