MGR Online - สามีภรรยาร้องกองปราบปรามตามหาลูกสาวหายตัวปริศนาตั้งแต่ปี 2558 เชื่อฝีมืออดีตสามีชาวอิสราเอล ผู้ต้องหาคดีฆ่าโบกปูนเพื่อนร่วมชาติหมกบ้านพักย่านบางบัวทอง โดยก่อนหน้านี้ผัวชาวยิวอ้างว่าลูกสาวเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ชี้น่าสงสัย
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. นายอนันต์ แสงอุไร อายุ 63 ปี และ น.ส.นภา ทิมเย็น อายุ 56 ปี สามีภรรยา พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอให้ช่วยติดตามหาตัว น.ส.นันทิยา แสงอุไร อายุ 38 ปี บุตรสาวที่หายตัวไปและขาดการติดต่อตั้งแต่ปี 2558 หลังไปใช้ชีวิตคู่อยู่กินกับนายซีมอน เบตัน อายุ 54 ปี อดีตสามีชาวอิสราเอล ผู้ต้องหาในคดีฆ่านายเฮลิยาฮู โคเฮน อายุ 63 ปี อดีตนายตำรวจอิสราเอลแล้วนำศพไปอำพรางโดยการโบกปูนทับในบ้านพักย่านบางบัวทองและถูกจับกุมตัวไปเมื่อเดือน พ.ย.ปี 2559 ที่ผ่านมา
นายอนันต์กล่าวว่า น.ส.นันทิยา บุตรสาวของตนได้ขาดหายการติดต่อไปตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย. 58 ซึ่งครั้งสุดท้ายที่พบเจอตัวบุตรสาวนั้นทราบว่าได้กลับมาพักอาศัยอยู่ร่วมกับ นายซีมอน อดีตสามี และนายเบน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี บุตรชายของทั้งสอง ซึ่งในช่วงนั้นทราบว่านายซีมอนได้จับ น.ส.นันทิยา โกนศีรษะ จนต้องสวมใส่วิกผมตลอดเวลา โดยนายซีมอนอ้างว่าเป็นกฎของศาสนายิวที่นายซีม่อนนับถือ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเดินทางไปที่บ้านพักของนายซีมอนเลยสักครั้งเดียวจึงทำให้ไม่ทราบข่าวคราวความเป็นอยู่ของบุตรสาวในขณะนั้นเป็นเช่นไรบ้าง แต่รู้เพียงว่าก่อนที่ น.ส.นันทิยาจะหายตัวไปนั้น นายซีมอนและนายเบน บุตรชายได้เดินทางมาที่บ้านพักของตนเพื่อจะมาขอยืมเตาแก๊ส โดยบอกว่าจะนำไปใช้ประกอบอาชีพขายไก่ย่างย่านบางบัวทอง พร้อมทั้งบอกว่า น.ส.นันทิยานั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ทางการ สปป.ลาวจับกุมตัวในคดีเกี่ยวยาเสพติดไปก่อนหน้านี้ที่ด่านหนองคาย ก่อนที่ต่อมาจะบอกว่า น.ส.นันทิยาเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็งจึงทำให้ตนเคลือบแคลงสงสัยเรื่อยมา
นายอนันต์กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการตรวจหาสสารมวลกระดูกทางธรณีวิทยาภายในบ้านพักที่ น.ส.นันทิยา และนายซีมอน อดีตสามีเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแต่ก็ไม่พบ รวมถึงตรวจเช็กข้อมูลการถูกจับกุมที่ สปป.ลาว ตามที่นายซีม่อนกล่าวอ้างก็ไม่พบเช่นเดียวกัน แต่จากการที่ตนเคยได้พูดคุยสอบถาม นายเบน บุตรชายของ น.ส.นันทิยานั้นทำให้ได้พบเบาะแสบางอย่าง โดยนายเบนได้บอกกับตนว่าหากอยากรู้ว่า น.ส.นันทิยาไปไหนให้ไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้อายัดไว้ในคดีที่นายซีมอนร่วมกับนายเบนฆ่านายเฮลิยาฮู ซึ่งตัวนายเบนเองก็ได้ให้รหัสเปิดเครื่องกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าโน้ตบุ๊กยังเปิดไม่ได้เพราะเป็นภาษาฮีบรู ต้องประสานทางเจ้าหน้าที่อิสราเอลมาช่วยดำเนินการ
“ผ่านมานาน 2 ปี ตั้งแต่วันที่ลูกสาวหายไป ขณะนี้ผมเชื่อว่าลูกน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว และเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของนายซีมอนอย่างแน่นอน เนื่องจากมีพฤติการณ์ในการบ่ายเบี่ยงที่จะตอบเมื่อผมถามว่าลูกสาวผมอยู่ไหน” นายอนันต์กล่าว
ด้านนายรณณรงค์กล่าวว่า อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามหาตัว น.ส.นันทิยาอีกครั้ง พร้อมทั้งอยากให้มีการตรวจสอบข้อมูลภาพวงจรปิดที่อยู่ภายในโน้ตบุ๊กของนายซีมอนที่ถูกยึดไว้ในคดีก่อนหน้านี้เพื่อหาเบาะแสข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของ น.ส.นันทิยา ตามที่นายเบน บุตรชายกล่าวอ้าง รวมถึงการที่นายเบน บุตรชายเคยบอกไว้ว่า น.ส.นันทิยา กับนายซีมอนเคยมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ในช่วงก่อนที่ น.ส.นันทิยาจะหายตัวไป จากการสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามภายหลังจากที่มีการแจ้งเรื่องนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ตอบรับที่จะช่วยดำเนินการดังกล่าวให้ โดยจะมีการตั้งทีมชุดสืบสวนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อช่วยในการติดตามหาตัว น.ส.นันทิยาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา พร้อมกับทำการสอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐาน ก่อนส่งเรื่องต่อไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป