กองปราบเผยผลสอบประวัติเจ้าสาวกำมะลอหลอกหนุ่มกว่า 10 คนแต่งงาน แล้วเชิดเงินสินสอดหนี ติดพนันงอมแงม เคยเป็น จนท.พัสดุ เทศบาลนาแห้ว จ.เลย แอบอ้างฝากคนเข้าทำงานเรียกค่าตอบแทนรายละกว่า 1 แสนบาท จนถูกให้ออก มีหมายจับฐานฉ้อโกงอีก 4 คดี เตรียมเรียกสอบ พ่อ - แม่ - เจ้าของบัญชีสอบ
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. กล่าวจากกรณีผู้เสียหายเป็นชาย 12 ราย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดเลย หลอกแต่งงานแล้วเชิดเงินสินสอดหนี ว่า ภายหลังจากที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน บก.ป. แล้วนั้น ก็ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 4 ราย เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ว่า การกระทำของ น.ส.จริยาภรณ์ นั้น เข้าข่ายในความผิดใดบ้าง และมีบุคคลอื่นอยู่ร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุข้อกล่าวหาที่จะเอาผิดและออกหมายจับกับ น.ส.จริยาภรณ์ ได้ เนื่องจากต้องมีการสอบปากคำพยาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของการสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 4 คน ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ค่อนข้างได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และทำให้ได้ทราบข้อมูลว่า น.ส.จริยาภรณ์ นั้น มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว รวมถึงมีพฤติกรรมติดการพนัน และมักจะชอบเดินทางไปเล่นการพนันยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดกับจังหวัดสระแก้วอยู่เป็นประจำ ซึ่งกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุหลักในการทำให้ น.ส.จริยาภรณ์ จำเป็นต้องทำการหลอกลวงเหยื่อเพื่อนำเงินมาใช้หนี้การพนัน
นอกจากนี้ จากการตรวจประวัติยังพบว่าเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่พัสดุ เทศบาลตำบลนาแห้ว จ.เลย แต่ เนื่องจาก น.ส.จริยาภรณ์ ได้เคยไปอ้างตนว่าสามารถฝากคนเข้าทำงานที่เทศบาลดังกล่าวได้ พร้อมกับเรียกรับเงินจากผู้เสียหายรายละ 100,000 - 130,000 บาท แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถพาผู้เสียหายเข้าทำงานในเทศบาลดังกล่าวได้จริง จนมีการแจ้งความดำเนินคดีและมีการออกหมายจับในข้อหา ฉ้อโกง ซึ่งจากกรณีดังกล่าวจึงทำให้ น.ส.จริยาภรณ์ นั้น ถูกให้ออกจากราชการเมื่อปี 2555 กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ ยังได้เตรียมทำการเชิญตัว น.ส.สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ บุคคลที่ น.ส.จริยาภรณ์ นำชื่อไปใช้ในการแอบอ้างตัวกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้แต่งงานด้วยนั้น มาทำการสอบปากคำหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบ ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่ เนื่องจากบัญชีธนาคารที่ น.ส.จริยาภรณ์ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปให้นั้นเป็นชื่อบัญชีของ น.ส.สร้อยเพ็ชร อีกทั้งจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.สร้อยเพ็ชร นั้น ยังพบว่า เป็นคนภูมิลำเนาเดียวกันกับ น.ส.จริยาภรณ์ รวมถึงจะทำการเชิญตัว นายบุญเลี้ยง บัวใหญ่ และ นางสำโรง บัวใหญ่ พ่อและแม่ของ น.ส.จริยาภรณ์ มาเข้าพบด้วย เนื่องจากในวันที่ น.ส.จริยาภรณ์ แต่งงานกับผู้เสียหายนั้น พบว่า ทั้งพ่อและแม่ของ น.ส.จริยาภรณ์ ได้เดินทางเข้าร่วมอยู่ภายในพิธีแต่งงานดังกล่าวด้วยทุกงาน จึงมีความเป็นไปได้ว่าบุคคลดังกล่าวทั้งหมดนี้ น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการหลอกลวงผู้เสียหาย
ขณะที่ในส่วนของการติดตามตัวนั้น เบื้องต้น พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งกระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสติดตามตัว น.ส.จริยาภรณ์ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากการตรวจสอบประวัติคดีอาชญากรรมของ น.ส.จริยาภรณ์ นั้น พบว่า มีหมายจับในคดี ฉ้อโกง ลักทรัพย์ ติดตัวในพื้นที่ต่างๆ มากกว่า 4 หมายจับ อาทิ จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการ จ.ชุมพร และในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ภัยต่อสังคม ขณะที่ในส่วนของข้อมูลเชิงสืบสวนขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเชื่อว่า น.ส.จริยาภรณ์ อาจจะกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการหลบหนีไปซ่อนตัวยังประเทศเพื่อนบ้านออกไป