MGR Online - ดีเอสไอร่วมหลายหน่วยงานประชุมและตรวจสอบพื้นที่กรณีกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาซื้อที่ดินครอบครองที่ราชพัสดุ จ.กาญจนบุรี อันจะส่งผลกระทบส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ วิถีชีวิตชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กองพลทหารราบที่ 9 ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอด่านมะขามเตี้ย องค์การบริหารส่วนตำบลจรเข้เผือก โครงการชลประทานกาญจนบุรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปัญหา การบุกรุกยึดถือครอบครองที่ราชพัสดุ และร่วมกันแสดงความคิดเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาและวางแผนป้องกันการบุกรุกในระยะยาว
หลังจากประชุมเจ้าหน้าที่จะลงตรวจสอบพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเนื่องจากเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ วิถีชีวิตชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ดังนี้ 1. พื้นที่เกิดเหตุมีอาณาเขตติดกับชายแดนประเทศพม่า อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 9 ใช้ประโยชน์และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทหารและเป็นพื้นที่ฝึกทางยุทธวิธีของกองทัพภาคที่ 1 จึงมีความสุ่มเสี่ยงต่อความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ 2. มีการขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ติดกับอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน พร้อมสร้างกำแพงคอนกรีตปิดกั้นทางน้ำ และขุดบ่อดินขนาดใหญ่อีกสองแห่งเพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลออกมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยลำทรายตอนบน ส่งผลให้ชาวบ้านหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำสำหรับใช้เพื่อการเกษตร ประมาณ 80 ครัวเรือน และ 3. ลักษณะการประกอบการเกษตรกรรมของนายทุนต่างชาติ มีการใช้สารเคมีอย่างรุนแรงเพื่อให้ได้ผลิตผลจำนวนมาก และอาจไหลซึมลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของราษฎรในพื้นที่ ประกอบกับผลผลิตที่ได้จะนำไปจำหน่ายยังโรงงานละแวกใกล้เคียงและส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ เป็นการตักตวงผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศและมาแข่งขันการทำเกษตรกรเข้าลักษณะข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
พ.ต.ท.ประวุธกล่าวว่า ดีเอสไอดำเนินการป้องกันและปราบปรามขบวนการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยกรณีกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนครอบครองที่ดินราชพัสดุโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อประกอบกิจการในทางเกษตรกรรม อันเป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการตามบัญชี 1 ของพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ดีเอสไอได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า มีกลุ่มนายทุนร่วมกับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาซื้อที่ดินซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุในพื้นที่หมู่ที่ 12 ต.จรเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 1,200 ไร่ โดยมีการเข้าไปปลูกพืชผลทางการเกษตร และมีการปักเสาปูนล้อมรั้วลวดหนามกั้นเป็นแนวไว้มีลักษณะหวงกันเด็ดขาด ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุที่ใช้เพื่อประโยชน์ทางทหาร มีกองพลทหารราบที่ 9 เป็นผู้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นกรณีที่คนต่างด้าวเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิและไม่ได้รับอนุญาต อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นคนต่างชาติและพื้นที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ชายแดนประเทศพม่า ซึ่งดีเอสไอได้รับดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว
“การดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกป่าและที่ดินของรัฐทุกประเภทถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องทวงคืนผืนแผ่นดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของรัฐ และดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาดต่อไป”