คดีสลายม็อบพันธมิตรฯ ลืม “อำนวย นิ่มมโน”ฝ่ายกฎหมายคุมการสอบสวน ไปได้ไง / แฉเล่ห์สำนวนยกแรก “น้องโบว์”เป็นคนเอาระเบิดใส่กระเป๋าแต่พอพิสูจน์รอยความเสียหายเกิดจากด้านนอกเลยเปลี่ยนมุกเป็นมีคนร้ายปาใส่ ก่อนแทงสำนวนไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด/ ได้เวลาตาสว่างจากการกระทำของคนมีอำนาจ-ความหวังริบหรี่ยื่นอุทธรณ์ฟื้นคดี/ ด่านสอง “พัชรวาท”น้องชาย “บิ๊กป้อม”เจอสอบร่ำรวยแต่ “บิ๊กเกรียน”ไม่รู้เป็นไงเกิดคิดถึงผงซักฟอกยี่ห้อเปาปุ้นจิ้นขึ้นมาซะงั้น / “สุดติ่ง” น.1 “ศานิตย์”เกษียณฯ วันไหนเตรียมลุยสนาม “ผู้ว่าฯ กทม.” เผย “นวยทนได้”ยังมีวิบากกรรม 18 คดีสั่งไม่ฟ้องทำลายโบราณสถาน-สุดอึ้งเหตุผล “การทุบโบราณสถานคือการทำนุบำรุงพุทธศาสนา” ประธาน ปปช.“วัชรพล”เห็นด้วยไหมเอ่ย !!??
...บางทีความอดทนไม่ได้ทำให้เราเป็นคนมีคุณค่าเท่ากับบางคน ยิ่งเราอดทน อีกคนยิ่งเคยตัว...คำคมในเน็ตแต่มันโดนใจ....สวัสดีครับมิตรรักแฟนเพลง ท่านผู้อ่านที่เคารพรักของกระพ้มทุกท่าน พบกันงวดนี้ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงขอนำเข้าสู่วาระการประชุม(เพลิง)เพราะมีเรื่อง มีเหตุ มีประเด็น คันในหัวใจหลายต่อหลายเรื่อง....ยกแรกขอเรื่องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งยกฟ้อง 4 จำเลยคดีสลายม็อบพันธมิตรฯประกอบด้วย 1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี 2.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี 3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. 4.พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผบช.น. หลังคำตัดสินเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาหลายกระแส...ฝ่ายหนึ่งบอกคำตัดสินโอเค แล้วซึ่งกระพ้มคงไม่ต้องอธิบายให้เมื่อย “ลุกตุ้ม”ว่าฝ่ายนี้คือใคร สีอะไร เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นหาเรื่องเข้าตัวอีก...ขณะที่อีกฝ่ายเขายัง “ติดใจ”ฝ่ายที่ว่าก็คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นั่นแหละ แต่มิใช่เขาไม่มีเหตุผล... เอาที่เจ๋งๆ รับฟังได้ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ขัดใจสังคมนั่นคือข้อเรียกร้องให้ ปปช.ยื่นอุทธรณ์ไปว่ากันอีกยกหนึ่ง...เอาให้สะเด็ดน้ำ...รับรองว่าถ้าทำแบบนี้สังคมก็คงไม่ครหา-ไม่ติดใจสงสัยว่าเพราะมีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร.น้องชายสุดรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ติดร่างแหอยู่ด้วย....คณะทำงานของ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ปปช.(อดีต)เด็กในรั้ว “วงษ์สุวรรณ”จึงไม่กล้า...นี่คือเหตุผลหลักที่ว่ากันอย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องอ้อมค้อม
00000.....คราวนี้ลองเข้าเกียร์ถอยหลัง กลับไปดูลีลาการสอบสวนของ “ตำหนวด”ไทยในบางแง่บางมุมที่เกิดการถกเถียงกัน...กระพ้มกราบขออนุญาตให้เป็นกรณีศึกษา และยังอยากโยงไปถึงอำนาจ “งานสอบสวน”ของตำรวจที่ยังคงสร้างความเคลือบแคลงใจ หลายเรื่องที่เป็นข้อกังขา รวมทั้งคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ น่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่กระตุ้นให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงพิษ-ภัยในระบบต้นธารยุติธรรมไทย...หากยังปล่อยให้อำนาจสอบสวนผูกติดกับอำนาจจับเอง สอบเอง กล่าวหาเอง และรวบรวมพยานหลักฐานเอง...ยุติธรรมไทยคงวนเวียนตกเป็นขี้ปาก หนักที่สุดคือไม่ได้รับความเชื่อถือ ไม่ได้รับความนับถือจากพี่น้องคนไทยรวมทั้งนานาอารยะประเทศ...อันนี้ใช่หรือไม่สุดแท้แต่มุมมอง ยังไงฝากท่านผู้มีอำนาจหากจริงใจปฏิรูปประเทศ แค่ปฏิรูปตำรวจอย่างแท้จริง แยกอำนาจสอบสวนออกมาก็ถือว่าทำสำเร็จแล้วแทบไม่ต้องปฏิรูปอะไรให้วุ่นวายอีก.....เหตุการณ์สลายม็อบพันธมิตรฯ จนมีคนบาดเจ็บล้มตายสร้างความสะเทือนใจต่อสังคมไทยไม่น้อยเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 ฝ่ายผู้ชุมนุมรวมตัวกันอยู่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล และมีคำสั่งจากผู้มีอำนาจให้ใช้แผนกรกฏ 48 ปฏิบัติการจากเบาไปหาหนักแต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทั้งยิง ทั้งปาระเบิดแก๊สน้ำตาตลอดทั้งวัน...ผลการกระทำของเจ้าหน้าที่คนไทยได้เห็นภาพสูญเสียด้วยความสยดสยอง “ตี๋ แซ่เตียว” โดนระเบิดขาขวาขาดถึงน่อง “ตี๋ ชิงชัย” มือขวาขาดนั่งจมกองเลือดพิงกับกำแพง ขณะที่ “น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ” หรือ “น้องโบว์” โดนระเบิดเข้าที่อกเสียชีวิต...ช่วงนั้นมีการเสนอข่าวจากสื่อในระบบ “ทักษิณ”ทำนองว่าคนเจ็บ กับคนตายพกพาระเบิดมาแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นเอง เรียกว่าตำรวจให้ข่าวอย่างไรก็ปล่อยตามนั้นกันทั้งหมด
00000.....วันที่ 10 ต.ค.2551 หรือถัดไปอีกเพียง 3 วันมีผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พ.ต.ท.สมภพ พุฒศรี ตำแหน่งในขณะนั้นคือนักวิทยาศาสตร์ สบ.3 กลุ่มตรวจเคมีฟิสิกส์ฯ “ระบุว่าเจอสารซี-โฟร์ติดอยู่และยังพบสารอาร์ดีเอ็กซ์” ติดตามขาเกงเกงยีนส์ของ “น้องโบว์”อีกด้วย ถอดรหัสจากผลพิสูจน์ครั้งนี้ได้ความว่าคนตายโดนระเบิดอื่นที่มิใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาเพราะถ้าเป็นระเบิดของเจ้าหน้าที่จะไม่มีสาร“ซี-โฟร์”คงมีแต่สาร “อาร์ดีเอ็กซ์” ซึ่งไม่สามารถทำลายล้างชีวิตมนุษย์ได้....3 วันแห่งความเร่งด่วนบรรดาสื่อฝั่งตรงข้ามพันธมิตรคาบเอาไปขยายอย่างเมามันเพื่อตีกระแสให้ได้ว่า พันธมิตรฯชุมนุมโดยมีอาวุธ และเกิดความผิดพลาดจนบาดเจ็บล้มตายกันเอง ส่วนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติไปด้วยความถูกต้อง....รูปคดีที่ว่านี้ใครเป็นใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทราบว่าชื่อของ “นวยทนได้” พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน อดีตรองผบช.น.ฝ่ายกฎหมายในขณะนั้นหายไปไหน ทำไมไม่มีใครพูดถึง.....ปัญหาข้อเท็จจริงจึงอยู่ที่ว่าปฏิบัติการควบคุมฝูงชนด้วยแผนกรกฎ 48 นั้นเริ่มจากหนักไปหาเบาจริงหรือไม่ ถึงไม่มีเจตนาฆ่าแต่การยิงใส่ การปาระเบิดใส่ตลอดทั้งวันเป็นการเล็งเห็นผลหรือเปล่า ทำไมผู้บังคับบัญชาไม่ห้ามปราม หยุดยั้ง...การปล่อยให้ปฏิบัติการกับประชาชนถึงขนาดนั้นคืออะไร...การที่ พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด รองผบก. 191 ในขณะนั้นได้ระเบิดแก๊สน้ำตาขว้างปาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไม่ยั้งมันหมายถึงอะไร...และเข้าสู่ข้อเรียกร้องให้แยกการสอบสวน...ตกลงว่าเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ได้แค่ไหน ทั้งพนักงานสอบสวนและ กองพิสูจน์หลักฐาน..ทุกฝ่ายล้วนหมู่เฮาคนกันเองทั้งนั้น..นี่แหละคือต้นตอของปัญหาและความไม่เชื่อมั่นทั้งหมด
00000.....สำคัญที่สุดผลการชันสูตรศพ “น้องโบว์”รวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆ สมควรให้มีการชำระกันใหม่หรือไม่ด้วยประเด็นที่ยังคาใจกันอยู่ เช่น....วันแรกตำรวจโดยพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ขณะนั้นในฐานะโฆษกฯ ระบุว่า น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ซุกซ่อนระเบิดไว้ในกระเป๋าแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นแต่ผลพิสูจน์กระเป๋าพบรอยเสียหายจากภายนอกมิได้เกิดภายในกระเป๋า จึงหักล้างข้อสันนิษฐานแบบมีอคติของตำรวจไป....เมื่อด้นไปไม่ได้จึงเกิดทฤษฎีปาใส่กันเองมาจากข้างนอก และดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะคดีนี้ได้สรุปไว้ว่าไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด !!?? .....กระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน”มองรูปคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ เป็นแบบนี้ ความผิดปกติต่างๆ แม้เพียงนิดเดียวคณะทำงานของ ปปช.อย่าให้มันผ่านไป...อย่าให้เป็นหนามค้างคาใจของมวลชนคนทางนี้....เอาเถอะถ้าท่านจะปฏิเสธไม่ยอมอุทธรณ์ปล่อยให้ความลับดำมืดจบลงอย่ามีข้อกังขา ท่านมีอำนาจสามารถทำได้ แต่ผลวันข้างหน้าคนไทยจำนวนไม่น้อยคงพอเห็นความไม่เนียนที่ปรากฏร่องรอยให้ตามแคะและแน่นอนว่าผู้คนยังคงต้องทวงถามความยุติธรรมกันต่อไป
00000...จบคดีม็อบพันธมิตรฯ ระเบิดลูกต่อไปคือการชี้มูลความผิดข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ มีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ เพื่อน นรต.ร่วมรุ่นตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา....ว่ากันมาตั้งแต่ปี 2553 ตามรายละเอียดว่าคุณพี่ปร๊อด ได้ครอบครองเป็นเจ้าของคอกม้า “รุ่งโรจน์ รุ่งพัชร”ตั้งอยู่หุบเขาแก่งคอย จ.สระบุรี ระบุมูลค่าอย่างต่ำ 100 ล้านบาท...อีกแห่งคือรีสอร์ทไม้สักหรูริมรั้วมอเตอร์เวย์ ตั้งอยู่หมู่ 9 ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ระบุเป็นของ หจก.สมถวิลรีสอร์ท ผู้ถือหุ้นคือนางสมถวิล กับ น.ส.นวพร วงษ์สุวรรณ ภรรยากับบุตรสาว พล.ต.อ.พัชรวาท หรือถ้าขุดกับแบบเงินบิทคอยน์ คนหนึ่งก็คือน้องชาย อีกคนน้องสะใภ้ อีกคนเป็นหลานของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่ง แถมพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ปปช.ก็คือเด็กในบ้าน (ไม่รู้เคยวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้หรือเปล่า) ...กระพ้มนาย “บิ๊กเกรียน”คงไม่กล่าวอะไรเกินเลย สัมพันธ์-สาแหรกแนบแน่นขนาดนี้หากสังคมไทยไม่จับจ้อง กระพ้มก็โบกมือบ๊ายบายล่ะ
00000....ยังไม่รู้ ปปช.จะมีมติอย่างไรแต่ดูไปดูมาให้คิดถึงผงซักฟอก(ในอดีต)ยี่ห้อ “เปาปุ้นจิ้น”เสียจริงๆ...ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้า ประเถดประทั้ยอะไรก็เกิดขึ้นได้ หวังแต่เพียง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ปปช.ดูแลด้านการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน “หญิงเหล็ก”ที่มีปูมหลังเป็นที่น่าเชื่อถือจะทะลุทะลวงขบวนการกิน-โกง ชาติให้หมดสิ้น และเท่าที่เห็นรายชื่ออดีตนักการเมืองรวมทั้งข้าราชการที่กำลัง “คอพาดเขียง”บอกตามตรงว่าส่วนใหญ่มีแต่พลเรือน ส่วน “คนมีสี”ลำพังแค่ “พัชรวาท -บุญเรือง”กระพ้มว่ามันออกจะขัดกับความเป็นจริงไปซักหน่อย...ขอบพระคุณแทนคนไทยทั้งประเทศที่ “หญิงเหล็ก”สุภา ปิยะจิตติ ประกาศต่อไปนี้จะปฏิบัติการเชิงรุก ดูแลข้อมูลคนโกงในเชิงลึกและละเอียดมากที่สุด “บิ๊กเกรียน”ท้าให้ประเดิมที่อดีต “บิ๊กตำรวจ”ไล่กันตั้งแต่คนเคยเป็น ผบ.ตร. และ ระดับ ผบช. มีบ้านกี่หลัง มีเงินฝากเท่าไหร่ มีรถกี่คัน มีของสะสมประเภทแพงโคตรแพง อะไรบ้างแสดงมาให้หมด และแจกแจงที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลายด้วย...คฤหาสถ์ย่านถนนวิภาวดี -บางบัวทอง-สุขุมวิท -บ้านริมแคว -บ้านเขาใหญ่-บ้านเชียงใหม่-บ้านภูเก็ต บ้านแจ้งวัฒนะ -บ้านบางบัวทอง...เอามาเปิดให้หมด...ด้วยตรรกะ-เหตุผลมันจะไปยากอะไรเพราะตลอดชีวิตการเป็นข้าราชการเงินเดือนเท่าไหร่ หักที่ใช้จ่ายไปจะเหลือเท่าไหร่ หรือถ้าอ้างว่ามีกิจการ-ธุรกิจก็ว่ากันมาชัดๆ...อย่างนี้กล้ากันไหม..ถ้ากล้าจะมีประชาชนทั้งประเทศสนับสนุนท่าน
00000.....ตบท้ายข้อมูลเด็ดของว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร....แม้จะยังไม่ครบโรดแมบแต่ “ปี่กลอง”ที่เริ่มเชิด “บิ๊กเกรียน”มีเรื่องคนดังสีกากีมาเรียกความตื่นเต้นอีกเล็กน้อย....เต็ง 1 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง หรือพี่ติ๋ม ของน้องๆ ไงก็เอาแน่ เต็ง 2.พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ขยันแสดงวิสัยทัศน์ในโลกโซชียลฯ แทรกซึมไปถึงทุกกลุ่ม...เป้าหมายใหญ่คือ “นายกฯ”ส่วน “เป้ารอง”คือผู้ว่าฯ ส่วนจะถึงฝั่ง หรือหาฝั่งไม่เจอใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้ 3.พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ค่ายเดียวกับพี่ติ๋ม ไม่แน่ว่าถ้าเบอร์ 1 ขยับไปเอาดีทางอื่นอาจสลับกับ “นวยทนได้”ค่อนข่างแน่....แต่ที่ฮืฮฮาก็คือคุณพี่ “ซารางเฮโย”พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.เจ้าของสโลแกนรุกรบ จบเร็ว ทำดี ทำได้ ทำทันที ดุ่มทำโพลสำรวจความนิยมตัวเองว่าอยู่ในขั้นขวัญใจชาว กทม.เหมือนกัน...ไม่ลงสมัครผู้ว่าฯ ก็ขอไปลงปาร์ตี้ลิสต์ ชัดเจนอีกทีรอหลังเกษียณอายุราชการ ถึงเวลานั้นว่ากันสนุกสุดเหวี่ยงแน่
00000....แต่ที่ไม่แน่คืออนาคตของพล.ต.ท.อำนวย (นิ่ม)...ไหนๆ ก็ว่ากันด้วยเรื่อง ปปช.ล่าสุดเมื่อ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร ในฐานะทายาทผู้สร้างวัดกัลยามิตร และประธานเครือข่ายประชาชนปกป้องโบราณสถานวัดกัลยาณมิตร เดินหน้าทวงถาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกรณีกล่าวหาพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม และอื่นๆรวมทั้ง พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ในฐานะผู้เกี่ยวข้องรับผิชอบคดีทำลายโบราณสถานวัดกัลยามิตร ฐานใช้อำนาจสั่งไม่ฟ้อง 18 คดีด้วยเหตุผลว่า...การทุบทำลายโบราณสถานให้สูญหายและเสียหายไปตามกรรมต่างวาระกันดังกล่าว...มิได้เป็นการโดยเจตนาทำลายโบราณสถานของชาติ....แต่เป็นการกระทำเพื่อพัฒนาวัด ทำนุบำรุงพุทธศาสนา.....เป็นไงครับท่านพ่อแม่พี่น้อง โดยเฉพาะพี่ๆน้องๆชาวพันธมิตรฯ...เหตุผลสั่งไม่ฟ้องของ “นวยทนได้”ฟังขึ้นไหม-ฟังแล้ว “ของขึ้น”หรือเห็นด้วยตามนั้น...หลักฐานเอกสารสำนวนยืนยัน เรื่องนี้หยิบเมื่อไหร่เห็นทีจะกลายเป็น “นวยทนไม่ไหว” 5555