MGR Online - อัยการสั่งไม่ฟ้อง “แพท ณ ปภา” ฐานร่วมกันฟอกเงิน-สมคบกันฟอกเงิน ตรวจหลักฐานไม่พบเกี่ยวข้องผู้ต้องหาคดียาเสพติด สอบเส้นทางการเงิน “เบนซ์”สามี โอนเงินให้หลักหมื่นถึงหลักแสน 18 ครั้ง เป็นการอุปการะเลี้ยงดูปกติระหว่างสามีภรรยา และผ่านบัญชีธนาคารที่ตรวจสอบได้
วันนี้ (3 ส.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางสาวณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ณปภา นักแสดงชื่อดัง ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน เนื่องจากมีการตรวจพิจารณาหลักฐานในสำนวนแล้ว ไม่มีหลักฐานว่า แพท ณปภา ร่วมกันกันฟอกเงิน หรือ สมคบกันฟอกเงินกับผู้ต้องหาอื่นๆ และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด
นอกจากนี้ การสืบสวนทางคดีตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าเชื่อมโยงกับ แพท ณปภา ได้ความเพียงว่า แพท ณภา เป็นภรรยาของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง ผู้ต้องหาที่ 2 ในคดีเท่านั้น และหลักฐานทางคดีก็มีเพียงการโอนเงินที่ นายอัครกิตติ์ ซึ่งเป็นสามี โอนให้กับ แพท ณปภา ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2559 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 จำนวน 18 ครั้ง และการทำธุรกรรมดังกล่าว ก็เป็นการโอนเงินผ่านระบบบัญชีธนาคารในยอดเงินหลักหมื่นและหลักแสนเท่านั้น ถือเป็นพฤติการณ์อุปการะเลี้ยงดูกันปกติระหว่างสามีกับภรรยา ซึ่ง นายอัครกิตติ์ ก็ใช้ระบบโอนเงินแบบเปิดเผยผ่านระบบ k-mobile banking plus ซึ่งเป็นระบบที่สามารถตรวจสอบง่าย
สำหรับบัญชีของ แพท ณปภา ก็เป็นบัญชีที่เปิดใช้ปกติมานานแล้ว มีเงินส่วนตัวในบัญชีจำนวนหลายล้านบาท เงินที่ นายอัครกิตติ์ โอนเข้ามาก็ยังคงค้างอยู่ในบัญชี ไม่มีการเบิกถอนเข้าออกลักษณะหมุนเวียน และมีหลักฐานอีกว่าเงินบางรายการที่โอนมา เป็นเงินค่าจ้างที่ แพท ณปภา ได้มาจากการรับว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ตามปกติ
สำหรับบัญชีของ แพท ณปภา ก็เป็นบัญชีที่เปิดใช้ปกติมานานแล้ว มีเงินส่วนตัวในบัญชีจำนวนหลายล้านบาท เงินที่นายอัครกิตติ์ โอนเข้ามาก็ยังคงค้างอยู่ในบัญชีไม่มีการเบิกถอนเข้าออกลักษณะหมุนเวียน และมีหลักฐานอีกว่าเงินบางรายการที่โอนมา เป็นเงินค่าจ้างที่แพท ณปภา ได้มาจากการรับว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ตามปกติ
อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานทางคดี จึงยังฟังไม่ได้ว่า แพท ณปภา กระทำผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง
ส่วน นายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ ผู้ต้องหาในคดีนี้ อัยการเห็นว่ามีพยานหลักฐานพอฟ้องให้ข้อหาร่วมกันสมคบกันฟอกเงิน เเละกระทำสองคนขึ้นไปร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ปราบปรามการฟอกเงิน 2542 มาตรา 3, 5,7,9,60 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91