xs
xsm
sm
md
lg

ทลายแก๊งอินเดียเปิดเต็นท์รถมือสองเรียกค่าไถ่ ขยายผลขบวนการฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - รอง ผบ.ตร.ทลายแก๊งอินเดียเปิดเต็นท์รถมือสองพัทยา จับเพื่อนร่วมชาติทำร้ายร่างกายเรียกค่าไถ่ 1.5 ล้านบาท ขยายผลไม่ปักใจเชื่อลงมือเป็นครั้งแรก และอาจเกี่ยวข้องขบวนการฟอกเงิน

วันนี้ (2 ส.ค.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.1) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับ 3 ผู้ต้องหาชาวอินเดีย ประกอบด้วย นายคาเดียร์ คาน โมฮัมเหม็ด อายุ 41 ปี, นายอาลี ไซเอ็ด อาห์สัน อายุ 44ปี และนายซอมาน อายุ 27 ปี ที่ก่อเหตุลักพาตัวชาวอินเดียวด้วยกันเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 82/44 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทันดัล เอ็มดี จีซานุดดิน อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าญาติชาวอินเดีย 3 คน ประกอบไปด้วย นายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น อายุ 34 ปี, นายเจียวล์ ฮอสเซ็น อายุ 35 ปี และนายซาเบีย อะฮาเม็ด อายุ 27 ปี ได้เดินทางจากเมืองมุมไบมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อทำเรื่องจะไปทำงานที่ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาถูกคนร้ายชาวอินเดียที่อยู่ในเมืองไทยจับตัวและเรียกค่าไถ่รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาตัวและทำการช่วยเหลือ

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยสนสุวรรณภูมิจึงประสานไปยังฝ่ายรักษาความปลอกภัย ทสภ. ตำรวจท่องเที่ยว กก.6 และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าประเทศและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าผู้เสียหายทั้ง 3 คนเดินทางมาที่สนามบินและมีชายชาวอินเดียขับรถมารับออกไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามสืบหาจนกระทั่งพบผู้ต้องสงสัยเป็นชาวอินเดียเปิดเต็นท์รถมือสองที่พัทยา จ.ชลบุรี จึงเข้าตรวจสอบในช่วงวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างนั้นผู้เสียหายได้โทร.ประสานญาติว่าถูกนำตัวมาทิ้งไว้ที่ประเทศกัมพูชา ติดกับชายแดนด้าน จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปรับตัวทั้ง 3 คนกลับมาพร้อมพาไปชี้ตัวผู้ต้องสงสัย ปรากฏว่าใช่คนร้ายทั้ง 3 คนจึงควบคุมตัวมาสอบสวน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพว่าร่วมกับผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 คนก่อเหตุลักพาตัวชาวอินเดียทั้ง 3 คนเพื่อเรียกค่าไถ่และทำร้ายร่างกายจริง โดยต้องการเงินไปใช้จ่าย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่าเพิ่งทำครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อเพราะจากพฤติกรรมที่ทำเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการตั้งแต่อินเดียส่งต่อมายังไทย จึงต้องสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อนำตัวผู้ร่วมขบวนการมาลงโทษพร้อมกับตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่มีอยู่ในไทย ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินด้วย

ทั้งนี้ หากมีผู้เสียหายชาวอินเดียรายใดที่เคยถูกหลอกให้สมัครงานจากอินเดียเพื่อไปทำงานที่แคนาดาและถูกกลุ่มผู้ต้องหา 3 คนนี้เรียกค่าไถ่มาแล้วก่อนหน้านี้ สามารถติดต่อแจ้งความร้องทุกข์มายังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทั้งสายด่วน 1155 และสถานทูตไทยในอินเดีย เพื่อให้ พงส.แจ้งข้อหาเพิ่มต่อผู้ต้องหาทั้ง 3 คน

ด้านนายเจียวล์ ฮอสเซ็น อายุ 35 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจไทยที่มาให้การช่วยเหลือและจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยตนและญาติทั้ง 3 คนสมัครงานผ่านนายหน้าทางอินเทอร์เน็ตที่อินเดีย โดยนายหน้าบอกว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และจะหักเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดเมื่อได้ทำงานที่แคนาดา โดยนายหน้าบอกว่าต้องมาทำวีซ่าที่เมืองไทย หลังจากนั้นทั้งหมดจึงเดินทางมาที่ไทยและถูกนำตัวไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพัทยาตั้งแต่วันที่ 7-11 ก.ค.เพื่อรอวีซ่าผ่าน แต่หลังจากนั้นกลุ่มของนายหน้าที่ไทยก็นำตัวพวกตนย้ายไปพักที่บ้านหลังหนึ่งในพัทยา และทำร้ายร่างกายโดยใช้ไม้เบสบอลตี และใช้ขวดยัดเข้าไปที่ทวารหนักของพวกตนทั้ง 3 คน และโทรศัพท์ไปขู่ญาติทีอินเดียให้โอนเงิน ไม่เช่นนั้นจะฆ่าพวกตน แต่พอญาติโอนเงินมาไม่ครบก็นำพวกตนไปทิ้งไว้ที่กัมพูชา และขู่ว่าพวกตนไม่สามารถกลับไทยได้เพราะวีซ่าหมดแล้ว พวกตนจึงติดต่อญาติและมีตำรวจมารับ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง, ทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน หรือทารุณโหดร้าย เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่, ปล้นทรัพย์, มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และซ่องโจร นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

















กำลังโหลดความคิดเห็น