MGR Online - ตำรวจโชคชัยคุมตัว 2 ผู้ต้องหาทำร้ายลุงขับรถกะป๊อดับ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เหตุแค่ขับรถเฉี่ยวชนกัน ก่อนนำตัวฝากขังศาลอาญาในวันนี้ ชาวบ้านย่านวังหินตะโกนด่าทอขอให้ประหารชีวิต
วันนี้ (5 ก.ค.) เวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย คุมตัวนายสุรเชษฐ โพธิ์จาด และนายอาทิตย์ สอนดอนไพร ผู้ต้องหารุมทำร้ายร่างกายนายสัจจา ปราศรัย อายุ 63 ปี อาชีพขับรถกะป๊อรับจ้างในซอยลาดพร้าว-วังหิน โดยใช้เท้าเหยียบที่ศีรษะหลายครั้ง ส่งผลให้นายสัจจาเสียชีวิต และยังมีผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือนายสัจจาได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยจุดแรกตำรวจคุมตัวมาชี้จุดบริเวณภายในซอยโชคชัย 4 ซอย 36 จุดที่นายสุรเชษฐขับขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีดำ โดยมีนายอาทิตย์นั่งซ้อนท้ายและเกือบจะเฉี่ยวชนกับรถกะป๊อของนายสัจจา ส่วนจุดที่ 2 เข้ามาภายในซอยบริเวณแยก 1-1 เป็นจุดที่จักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถกะป๊อ
ต่อมาจุดที่ 3 บริเวณด้านหน้าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่นายสุรเชษฐและนายอาทิตย์ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายสัจจา และจุดที่ 4 เป็นด้านในอพาร์ตเมนต์ จุดที่ผู้ต้องหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เข้ามาช่วยนายสัจจาด้วย
โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ ตำรวจไม่ได้คุมตัวนายอำพล คลังทอง และนายณรงค์ชัย รักล้วน ผู้ต้องหาอีกสองคนที่นายสุรเชษฐโทรศัพท์เรียกให้มาช่วยในภายหลัง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหามาตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวาย และขณะทำแผนฯ ที่อพาร์ตเมนต์ยังมีชาวบ้านตะโกนด่าทอว่าขอให้ประหารชีวิตผู้ต้องหา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนกลับไปที่ สน.โชคชัย ก่อนนำผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คนไปฝากขังศาลอาญาในวันนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาต่อนายสุรเชษฐ และนายอาทิตย์ ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้เป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กาย ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยการกระทำทารุณโหดร้าย และร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน
ส่วนนายอำพลกับนายณรงค์ชัย เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้เป็นเหตุได้รับอันตรายแก่กาย และร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ทั้งนี้ นายอาทิตย์ให้การรับสารภาพอ้างว่ารู้สึกโมโหที่รถกะป๊อของผู้เสียชีวิตมาเฉี่ยวชนจักรยานยนต์ และลงมือก่อเหตุเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้ควบคุมตัวนายอาทิตย์ สอนดอนไพร อายุ 24 ปี ชาว จ.นครปฐม นายสุรเชษฐ โพธิ์จาด อายุ 28 ปี ชาวกทม.นายอำพล คลังทอง อายุ32 ปี ชาว กทม. และนายณรงค์ชัย รักล้วน อายุ 29 ปีชาว จ.พัทลุง ผู้ต้องหาที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นมายื่นคำร้องฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 - 16 ก.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือผู้ต้องหา รอผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ และอื่นๆ
กรณีเมื่อวันที่ 1 ก.ค.60 เวลากลางคืน ผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้ร่วมขี่ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไล่ตามรถยนต์ซูบารุ 4 ล้อเล็ก ของนายสัจจา ปราสัย ผู้ตายมาภายในลานจอดรถพงษ์สุขอพาร์ตเม้นต์ ถ.โชคชัยสี่ ซ. 36 แยก 4 แล้วผู้ต้องหาทั้งสองได้ชกต่อยนายสัจจา จนล้มลงบนพื้นปูนก่อนรุมเตะ กระทืบที่ศรีษะจนหมดทางสู้และหมดสติ นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้งสองยังกลับไปขี่ จยย.กลับมาจอดข้างๆร่างนายสัจจาแล้วนายอาทิตย์ได้ลงจากรถใช้เท้าเตะ และกระทืบซ้ำที่ศรีษะนายสัจจาอีกหลายครั้ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา กระทั่งมีพลเมืองดีจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกผู้ต้องหาทั้งสี่โดยผู้ต้องหาที่ 3 และ4 ตามมาไล่ทำร้ายได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ก่อนหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งสี่ ส่งพนักงานสอบสวนสน.โชคชัย แจ้งข้อหาดำเนินคดีผู้ต้องหาที่ 1-2 ข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-4 ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน
ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 -2 ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 - 4 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาญาติของนายอำพล และนายณรงค์ชัย ผู้ต้องหาที่ 3และ 4 ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาทั้งสองมีประกันตัวไป โดยตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอาทิตย์ และนายสุรเชษฐ ผู้ต้องหาที่ 1 และ2 ญาติมิได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป