รองโฆษก ตร.ยันเหตุการณ์โจรสลัดปล้นเรือบรรทุกน้ำมัน แม้จะเกิดนอกราชอาณาจักร แต่กระทำผิดบนเรือไทย เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.กระทำอันเป็นโจรสลัด ปี 34 ชี้น่านน้ำโซมาเลีย และช่องแคบมะละกา ถือเป็นจุดเสี่ยง
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีโจรสลัดก่อเหตุปล้นน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมัน CP41 เรือสัญชาติไทย บริเวณน่านน้ำเมืองกวนตัน ประเทศมาเลเซีย ขณะกำลังขนส่งน้ำมันดีเซล 3,800,000 ลิตร จากประเทศสิงคโปร์ มาส่งที่คลังน้ำมันเชลล์ที่ จ.สงขลา ว่าเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างทำรายงานเสนอไปยังพนักงานอัยการเพื่อตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาดำเนินการตามกฎหมาย กรณีนี้แม้การกระทำผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แต่การกระทำผิดเกิดในเรือไทยจึงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไทย โดยกรณีนี้เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัด พ.ศ. 2534 เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าโจรสลัดดังกล่าวเป็นบุคคลสัญชาติใด แต่ทราบว่า ไม่ได้ใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร ส่วนจะมีคนในรู้เห็นหรือมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า บริษัทเจ้าของเรือกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการทางคดีและประกันภัยเพื่อประเมินมูลค่าความเสียหาย รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าปัญหาโจรสลัดนั้นเกิดขึ้นในหลายประเทศแม้จะมีการเฝ้าระวัง อาทิ โซมาเลีย และช่องแคบมะละกา ทั้งนี้ สำหรับการป้องกันมีการดำเนินการในทุกระดับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจน้ำร่วมกับกองทัพเรือได้พยายามเข้าไปจัดทำฐานข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยงและมีการเฝ้าระมัดระวังมาตลอดอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เกิดขึ้นในน่านน้ำมาเลเซีย ซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ไทย