MGR Online - รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ร.ฟ.ท. ออกโรงแถลงข่าว มาตรฐานความปลอดภัย รับรถวิ่งด้วย 60 กม./ชั่วโมง “เบรกไม่ทัน” ทับร่างสาวท้อง 6 เดือน ตกรางดับ ประตูกั้นรางรถไฟกับผู้โดยสาร มีที่เดียวสถานีสุวรรณภูมิ อยู่ระหว่างเซ็นสัญญาติดตั้ง วอนสื่อขอความเป็นธรรม
วันนี้ (19 มิ.ย.) เวลา 15.40 น. ที่ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าคลองตัน นายวิสุทธิ์ จันมณี รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด แถลงกรณีการรักษาความปลอดภัย ภายหลัง น.ส.รสรินทร์ เปลี่ยนหล้า อายุ 31 ปี ตกลงไปภายในรางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีบ้านทับช้าง ก่อนเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า ตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่หญิงสาวคนดังกล่าวตกลงไปนั้น สาเหตุที่เกิดขึ้นต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ
ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า เป็นผู้โดยสารที่เดินจากทางสถานีทับช้าง ไปลงสถานีพญาไท เป็นประจำ เพื่อไปทำงาน แต่รายละเอียดการเกิดเหตุขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ให้ข้อมูล โดยเบื้องต้นได้ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงินจำนวน 4 หมื่นบาท และหลังจากนี้ จะช่วยเหลือเยียวยาในเรื่องประกันชีวิต สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้น จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ทุกสถานี ช่วงหัวขบวนกับท้ายขบวน โดยจะช่วยดูแลผู้โดยสารที่รอขึ้นรถ ไม่ให้เหยียบล้ำเส้นเหลือง หากพบว่า บุคคลใดเกินเส้นเหลือง เจ้าหน้าที่จะเป่านกหวีดเตือนทันที ทั้งนี้ จะมีปุ่มฉุกเฉินที่อยู่ในขบวนรถ และชานชาลา
โดยจากการสอบถามพบว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เพียงเสี้ยววินาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์รีบกดปุ่มทันทีที่เกิดเหตุ ขณะที่รถไฟวิ่งมาในความเร็วปกติ คือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเห็นก็กดปุ่มฉุกเฉินให้รถหยุดทันที แต่ระยะทางน้อยกว่า 100 เมตร ประกอบกับจุดที่หญิงสาวตกลงนั้นเป็นต้นชานชาลา ทำให้หยุดรถไม่ทัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า นายสถานีได้เข้าไปช่วยทันทีเป็นคนแรก ไม่ได้ทิ้งเวลานานตามที่มีกระแสข่าว
ด้าน นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มสายงานปฏิบัติการและซ่อมบำรุง ระบุว่า เตรียมทำประตูกั้นระหว่างรางรถไฟกับผู้โดยสาร ซึ่งขณะนี้มีที่สถานีสุวรรณภูมิที่เดียว ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมเซ็นสัญญาในเดือนสิงหาคมนี้ และสถานีแรกที่จะเริ่มทำ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม - เมษายน 2561 คือ สถานีพญาไท และต่อด้วยสถานีลาดกระบัง อีกทั้งปัจจุบันผู้ใช้บริการมีจำนวนมากถึง 6 หมื่น 5 พันคนต่อวัน โดยเฉพาะช่วงเย็นวันศุกร์ และเช้าวันจันทร์ ที่มีจำนวนมากถึง 7 หมื่นคน ซึ่งยืนยันว่า ระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นมาตรฐาน และวอนสื่อให้ความเป็นธรรมด้วย