MGR Online - ผบก.สปพ.ใบ้กินกระแสมีเอี่ยว สั่ง ผบ.ตร.โยกย้ายนาย ตร.ในสังกัด บช.น.ได้ พร้อมแจงความบริสุทธิ์ใจ ด้าน 191 แถลงจับแก๊งทำป้ายทะเบียน-สมุดคู่มือทะเบียนรถปลอมใน 14 จุด เพื่อนำไปใช้สำหรับรถที่ถูกโจรกรรม
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ บก.ทท. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. แถลงข่าวการจับกุมขบวนการปั๊มป้ายทะเบียนรถปลอม มีการเข้าตรวจค้นเป้าหมายตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศรวม 14 จุด หลังเกิดจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พญาไท สามารถจับกุมผู้ใช้ใบอนุญาตขับขี่ปลอม ก่อนจะมีการสืบสวนขยายผลโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.สส.บกน.1 จนทราบว่ามีกลุ่มผู้ต้องหาใช้สื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กในการติดต่อ รับจ้างทำแผ่นป้ายทะเบียนรถยนตร์ปลอม ป้ายทะเบียนเสียภาษีประจำปีปลอม สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ปลอม โดยดำเนินการเป็นขบวนการแบ่งงานกันทำ
จากนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนบูรณาการหลายฝ่าย เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษและกองกำลังสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกรมการขนส่งทางบก รวมถึงประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ทหาร จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและได้ขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 8 ราย พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น ป้ายทะเบียนปลอม และอุปกรณ์การผลิตแผ่นป้ายทะเบียน
ทั้งนี้ ป้ายทะเบียนปลอมดังกล่าวจะถูกส่งขายในพื้นที่ตลาดคลองถม รวมถึง จ.จันทบุรี และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศในราคาไม่กี่พันบาท ลูกค้าที่มาซื้อก็จะนำไปติดรถที่ได้มาจากการโจรกรรม หรือรถสวมซาก หลุดไฟแนนซ์ ทั้งหมดเป็นรถที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และติดไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ไม่ให้สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย โดยต้องไปตรวจสอบว่าป้ายทะเบียนทั้งหมดเคยมีประวัติหรือการก่อเหตุอาชญากรรมในพื้นที่อื่นหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยกรมการขนส่งทางบกเพื่อช่วยกันตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่จึงความคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดไปดำเนินคดี พร้อมทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลและออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวออกมาว่าตนเองมีอำนาจใหญ่กว่าพลตำรวจเอก และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง โดยระบุเพียงว่าเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจิยนดา ผบ.ตร.ได้พูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนตัวไม่ขอพูดอีก และถ้ามีการเรียกสอบสวน ตนเองก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่อยากให้โฟกัสเรื่องการทำงานดีกว่าไม่อยากให้คิดเรื่องอื่น เพราะการทำงานผู้ที่ได้รับผลประโยชน์คือประชาชน