“จ๊ะ อาร์สยาม” ให้อภัยหนุ่มป่วยทางประสาทบุกบ้านขอถ่ายรูปกลางดึก

“จ๊ะ อาร์สยาม” ถอนแจ้งความ ไม่ติดใจเอาเรื่องหนุ่มพักอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มากดกริ่งหน้าบ้านขอถ่ายรูปตอนกลางดึก ผู้ต้องหาเผยปลื้มนักร้องสาว ยันไม่คิดร้าย ผู้ปกครองสำทับลูกชายไม่มีนิสัยก้าวร้าว ไม่เป็นอันตราย มีอาการทางประสาทเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.นงผณี มหาดไทย หรือ จ๊ะ อาร์สยาม นักร้องสาวชื่อดังพร้อมด้วย นายธนพล สัมมาพรต หรือ แจ๊ค อาร์สยาม เพื่อนชายคนสนิท เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อรรนพ นวมนาคะ ผกก.สภ.บางบัวทอง หลังทราบว่าชายปริศนาที่ไปกดกริ่งเรียกตนที่หน้าบ้านเพื่อขอถ่ายรูปด้วยตอนกลางดึกและมีลักษณะคล้ายคนเมา เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา จนต้องเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากเกรงจะไม่ปลอดภัย ได้นัดเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้

เมื่อเวลา 14.00 น. นายเอก (นามสมมติ) อายุ 29 ปี พร้อมด้วยพ่อแม่ผู้ปกครอง ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่ง นายเอก ยอมรับว่า เป็นชายคนเดียวกันกับที่ไปกดกริ่งเรียกนักร้องสาวที่หน้าบ้านจริง แต่ไม่ได้คิดร้ายเพียงแต่มีความชื่นชอบนักร้องสาวเป็นอย่างมากจึงอยากจะไปขอถ่ายรูปด้วยเท่านั้นจริง

ด้านผู้ปกครองนายเอกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายตนมีอาการทางประสาทเป็นโรคนอนไม่หลับ ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ มาโดยตลอด แต่ไม่ใช่คนที่มีนิสัยก้าวร้าว หรือจะทำอันตรายกับใครได้อย่างแน่นอน ซึ่งตนก็เพิ่งจะทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายไปทำเรื่องดังกล่าวมา จึงได้พูดตักเตือนไม่ให้ทำแบบนี้อีก เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล พร้อมกล่าวขอโทษกับนักร้องสาวก่อนจะขอนักร้องสาวให้ถ่ายรูปคู่กับลูกชายเพื่อให้สมหวังที่ลูกชายเป็นแฟนคลับตัวจริง ซึ่งนักร้องสาวก็ยอมถ่ายรูปคู่ด้วย และไม่ติดใจเอาความ แต่ขอให้ทางผู้ปกครองนายเอกช่วยดูแลนายเอกให้ดี ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก หลังจากพูดคุยสักพักได้เกิดการปะทะคารมกับพ่อของนายเอกเล็กน้อย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย

จ๊ะ อาร์สยาม กล่าวว่า รู้สึกดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามตัวนายเอกมาได้อย่างรวดเร็ว จนเริ่มรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจกับทางผู้ปกครองของนายเอกเท่าไหร่ที่บอกว่าไม่สามารถห้ามนายเอกไม่ให้ออกมาทำพฤติกรรมดังกล่าวได้ เนื่องจากลูกชายเป็นคนดื้อ และไม่ยอมฟังใครและหากลูกชายจะไปที่บ้านตนในตอนกลางวันก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดอะไรถ้าเขาไม่ได้บุกเข้าไปในบ้าน ซึ่งตนมองว่ามันยังไม่เพียงพอในการแก้ปัญหาทำไมถึงต้องรอให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นก่อน และอีกอย่างนายเอกก็มีบ้านพักอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตนซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 10 หลัง ซึ่งหลังจากนี้ตนจะไปติดต่อกับทางนิติบุคคลของหมู่บ้านให้หาทางออกในเรื่องนี้ โดยตั้งแต่เกิดเหตุมาตนไม่กล้านอนพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวเลยต้องไปออกนอนตามห้องของน้องแดนเซอร์ในวงแทน ซึ่งตนก็ไม่ติดใจเอาความอะไรกับนายเอกเพราะเข้าใจว่าเขาป่วยจึงได้ถอนแจ้งความก่อนเดินทางกลับบ้านพักใน จ.อ่างทอง

ด้าน พ.ต.อ.อรรณพ กล่าวว่า หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการพูดจาทำความเข้าใจกันแล้ว และนักร้องสาวไม่ติดใจเอาเรื่อง ตนจึงได้ให้ทางผู้ปกครองของนายเอกเซ็นลงบันทึกเป็นหลักฐานว่าหลังจากนี้นายเอกจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีกแล้วก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้านไป