MGR Online - แท็กซี่เหยื่อราวกั้นสะพานกรุงเทพโคม่าหนัก ขนาดต้องควักลูกตาซ้าย ส่วนอีกข้างต้องรอลุ้น ตำรวจฟันธง จนท.ประมาท กรมทางหลวงต้นสังกัดยังทำเงียบ
วันนี้ (31 พ.ค.) เวลา 13.30 น. พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เปิดเผยถึงกรณีที่นายพรหมมา ขันขวา อายุ 67 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ซึ่งขับรถฝ่าพายุฝนจากถนนพระราม 3 ขึ้นสะพานกรุงเทพมุ่งหน้าฝั่งธนบุรี แล้วถูกเหล็กกั้นเปิด-ปิดสะพาน ความยาว 4 เมตร แทงเข้ากระจกรถด้านหน้าทะลุออกกระจกด้านหลังฝั่งขวา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงที่กรมทางหลวงชนบทจะทำการปิดกั้นสะพานเพื่อให้เรือขนาดใหญ่แล่นผ่านว่า ขณะนี้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.บางคอแหลม ติดตามเฝ้าดูอาการของนายพรหมมา ขันขวา อายุ 67 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ที่ประสบเหตุอย่างใกล้ชิด ล่าสุดทราบว่าต้องเข่ารับการผ่าตัดศีรษะ และผ่าตัดนำลูกตาข้างซ้ายออก ขณะที่ลูกตาข้างขวายังต้องรอผลการตอบสนองการรักษาจากแพทย์ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ว่าจะต้องผ่าเอาออกด้วยหรือไม่ โดยรวมอาการยังสาหัสมากพอสมควร และหลังจากนี้หากผู้ได้รับบาดเจ็บอาการทุเลาพอที่จะให้ปากคำได้แล้ว ตนเองพร้อมพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปเยี่ยมและสอบปากคำเบื้องต้น
ส่วนความคืบหน้าทางคดีตอนนี้ นายอัมพัน เชยกุล เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบท ผู้ควบคุมระบบสั่งการเครื่องกั้นบนสะพานกรุงเทพในช่วงเวลาที่เกิดเหตุยังไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด มีเพียงผู้แทนจากกรมทางหลวงชนบทเข้ามาให้ข้อมูลว่าอุบัติเหตุดังกล่าวน่าจะเป็นเพราะสลักยึดเครื่องกั้นหลุดจากลมพายุฝนทำให้เครื่องกั้นกระเด้งกางออกมาถูกรถแท็กซี่ก่อนกำหนดที่จะถึงเวลาปิดสะพาน อย่างไรก็ตาม ได้ให้พนักงานสอบสวนประสานกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบแล้วว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สลักยึดเครื่องกั้นจะหลุดเพราะลมฝน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีหรือแจ้งข้อหาต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.ต.สัมฤทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับนายอัมพันที่ยังหายตัวไปนั้นตรวจสอบแล้วเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมทางหลวงชนบท และได้ประสานกับทางกรมทางหลวงชนบทแล้วให้พาตัวมาพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีโดยเร็ว หลังจากนี้หากกองพิสูจน์หลักฐานตรวจแล้วผลออกมาว่าเป็นเพราะความประมาทไม่ใช่อุบัติเหตุ นายอัมพันในฐานะผู้รับผิดชอบเครื่องกั้นขณะนั้นก็จะถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส