xs
xsm
sm
md
lg

ลัมบอร์กินี “โดม ปกรณ์ ลัม” ยังลูกผีลูกคน อธิบดีกรมศุลฯ “ออกตัว” จนท.อาจไม่ผิด (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ลัมบอร์กินี ของ “โดม ปกรณ์ ลัม” ยังลูกผีลูกคน ดีเอสไอระบุถอยจากโชว์รูมหรูย่านสุขุมวิท 2 คัน ขโมยมา 1 เหลือของพระเอกคนดังที่ยังรอตรวจสอบเอกสาร ส่วนอธิบดีกรมศุลกากร แบะท่ามีความเป็นไปได้ประเมินภาษีผิด เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ราคา



วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.45 น. ภายในเขตปลอดอากรกรุงเทพฟรีเทรดโซน (Bangkok Free Trade Zone) ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ นายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงิน และการธนาคาร นายมเหสักข์ พันธ์สง่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ และ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโกดังคลังสินค้าบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เลขที่ 999/9 และ 999/10 หลังทราบข้อมูล ว่า มีรถยนต์ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษมาฝากไว้ จึงทำการอายัดเพื่อตรวจสอบ ภายในโกดังพบรถยนต์จำนวนหลายคัน และมีรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศอังกฤษ 3 คัน ดีเอสไอจึงอายัดเป็นของกลาง ห้ามจำหน่าย ห้ามเคลื่อนย้าย ตามคดีพิเศษเลขที่ 120/2259 ประกอบด้วย 1. รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น GLE 350 d สีดำ (พบเป็นรถโจรกรรมใหม่) 2. รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น AMG CG3 สีขาว 3. รถนิสสัน GTR สีขาว (พบเป็นรถโจรกรรมใหม่)

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวหลังการตรวจค้นเสร็จสิ้น ว่า ดีเอสไอ และกรมศุลกากร ได้ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ โดยในเขตฟรีโซนตรวจค้นพบรถตามบัญชี 3 คัน เป็นรถที่ถูกอายัดก่อนหน้านี้ 1 คัน และเพิ่งพบใหม่อีก 2 คัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบทั้งหมดตอนนี้เป็น 12 คัน ระหว่างนี้ ดีเอสไอ จะอายัดไว้รอประเทศอังกฤษนำหลักฐานมาแสดง นอกจากนี้ ยังพบเอกสารการนำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมส่งขึ้นเรือออกไป 2 คัน ซึ่งศุลกากรจะรับไปดำเนินการติดตามนำรถกลับคืนมา

“นอกจากนี้ ผมขอชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับรถลัมบอร์กินีของ นายปกรณ์ ลัม หรือ โดม อีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ บอกว่า เจ้าตัวเป็นผู้เก็บรักษารถยนต์ไว้ แต่ผลการตรวจสอบพบว่า รถลัมบอร์กินีของนายปกรณ์ ถูก ดีเอสไอ อายัดไว้ในจุดตรวจค้นที่โชว์รูม เอสทีที ย่านสุขุมวิท 63 และเป็นการอายัดรถลัมบอร์กินีสีเขียว 2 คัน เป็นรถโจรกรรม 1 คัน และรถของ นายปกรณ์ 1 คัน ซึ่งรอเอกสาร นายปกรณ์ มาชี้แจง” พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าว

ด้าน นายชัยยุทธ กล่าวว่า ศุลกากรได้ดำเนินการติดต่อให้เรือบรรทุกสินค้า วนกลับมาเพื่อให้นำรถ 2 คัน ที่ต้องสงสัยว่าถูกโจรกรรมกลับมาที่ฟรีโซน จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น พบว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เพราะเป็นข้อมูลการสืบสวน และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ นำรถทั้ง 2 คันมา ทราบว่าเป็นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 1 คัน อีกคันไม่ทราบยี่ห้อ ฝากไว้ที่โกดังในฟรีโซน และได้ทำเรื่องนำรถออกจากฟรีโซน เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา จุดหมายปลายทางที่ประเทศฮ่องกง และจะกลับมาถึงประเทศไทย ประมาณ ก.ค. นี้ หลังจากนี้ จะร่วมกับดีเอสไอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงของบริษัทผู้นำเข้าและบริษัทที่ขอส่งออกด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลว่ารถที่ถูกโจรกรรมเข้าไปสู่วงจรการประมูล ในจำนวนนี้หากผู้ประกอบการนำไปขายดีเอสไอจะรับไปดำเนินการต่อไป

“กรณี สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบความผิดของเจ้าหน้าที่ศุลกากร 9 คนนั้น เป็นช่วงปี 2551 - 2553 ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจรถเห็นว่าผู้ประกอบการน่าจะสำแดงราคาต่ำ จึงให้ผู้นำเข้าวางประกันและเรียกผู้นำเข้ามาชำระภาษีเพิ่ม ต่อมากรมศุลกากร เห็นว่า การสั่งวางประกันและออกคำสั่งให้ผู้นำเข้ามาเสียภาษี น่าจะไม่ถูกต้องจึงยกเลิกคำสั่งพร้อมให้คืนเงินประกัน โดยกรณีดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของศุลกากรเกี่ยวข้อง 9 คน ทั้งนี้ สตง. ขอให้กรมศุลกากรตรวจสอบด้วยว่าเป็นการละเมิดสร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการ หรือมีความผิดวินัยหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับคดีที่ดีเอสไอกำลังตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ และเป็นคนละกรณีกับที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการสำแดงราคาต่ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ศุลกากรเกี่ยวข้องจำนวน 108 ราย” นายชัยยุทธ กล่าว

รองอธิบดีกรมศุลกากร เผยอีกว่า เรื่องการสำแดงราคาต่ำนั้น เป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่จะไม่รู้ราคาซื้อขาย เพราะคนที่รู้ข้อเท็จจริง คือ คนซื้อกับคนขาย ท่ี่ผ่านมา ศุลกากรเคยเข้าตรวจบริษัทเพื่อดูเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับราคา แต่ก็ทำได้ยาก ส่วนผู้ขายต้องใช้ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอมีหลักฐานราคาขายที่แท้จริงจากต่างประเทศแล้ว หลังจากนี้ กรมศุลฯ จะรับไปดำเนินการตรวจสอบเปรียบเทียบกับราคาที่นำมาสำแดง

มีรายงานด้วยว่า จากการสืบค้นอย่างเอาจริงเอาจังของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขุดรากถอนโคนขบวนการค้ารถหรูผิดกฎหมายนั้นสืบเนื่องมาจากการบุกเข้าตรวจค้นบริษัท ยูนิตี้ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ปากซอยรัชดา 16 ย่านห้วยขวาง กทม. และโชว์รูม เอสทีที. สุขุมวิท 63 อันเป็นกิจการของนายภาณุศักดิ์ เตชธีรสิริ หรือ “บอย ยูนิตี้” ไฮโซชื่อดังซึ่งในเบื้องต้น คาดว่า อาจจะเชื่อมโยงกับการโจรกรรมซูเปอร์คาร์จากประเทศอังกฤษ รวมทั้งขบวนการโกงภาษีศุลกากรในประเทศไทย



กำลังโหลดความคิดเห็น