xs
xsm
sm
md
lg

บช.ปส.จับยาบ้ากลุ่มว้าใต้ลำเลียงจากภาคเหนือกว่า 6 ล้านเม็ด (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - บช.ปส.แถลงผลจับยากุมยาเสพติด 8 คดี ยึดยาบ้ากลุ่มว้าใต้กว่า 6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ และเคตามีนอีก 13 กก. จับกุมผู้ต้องหาได้ 15 ราย ลำเลียงจากภาคเหนือก่อนส่งต่อไปยังประเทศที่ 3



วันนี้ (29 พ.ค.) เวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส., พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. (ทำหน้าที่โฆษก บช.ปส.) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 8 คดี จับกุมผู้ต้องหา 15 ราย สามารถยึดของกลางเป็นยาบ้า รวม 6,251,586 เม็ด ไอซ์ 11.127 กิโลกรัม และเคตามีน 2 กิโลกรัม

โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายสุชาติ ทองกระจ่าง อายุ 53 ปี, นายเรืองเดช ผิวเพ็ง อายุ 53 ปี, นายสรศักดิ์ เรืองดี อายุ 31 ปี และนายภาสพงศ์ บุญแพ อายุ 31 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 614,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง และรถยนต์ 4 คัน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 26/1 หมู่ที่ 3 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.ลพบุรี และบริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ลพบุรี โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ที่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ จ.ลพบุรี และจังหวัดใกล้เคียง โดยมาเก็บพักไว้ที่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ที่ 3 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์พบนายสุชาติขับขี่รถยนต์เก๋ง และนายเรืองเดชขับขี่รถยนต์เก๋งอีกคันมาจอดแล้วต่างพากันเดินเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นนายสุชาติได้เดินไปเปิดกระโปรงท้ายรถยนต์เก๋งคันที่ตนเองขับขี่มาแล้วยกเอาถุงบรรจุยาบ้าจากท้ายรถเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว โดยนายเรืองเดชเป็นผู้ร่วมยกถุงบรรจุยาบ้าอีกส่วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปแสดงตัวจับกุมนายสุชาติและนายเรืองเดช พร้อมตรวจค้นพบและยึดของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 614,000 เม็ด หลังจากนั้นนายสุชาติและนายเรืองเดชได้ให้ความร่วมมือสืบสวนขยายผล โดยได้ติดต่อผู้ที่จะมารับยาบ้าของกลางจำนวนหนึ่งที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ลพบุรี ซึ่งผู้ที่เดินทางมารับยาคือนายสรศักดิ์ และนายภาสพงศ์ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการเข้าจับกุมตัว ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายเอกสิทธิ์ ไทยวัฒน์ อายุ 32 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 13,586 เม็ด ไอซ์ 127 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณบ้านเลขที่ 55/134 หมู่บ้านทรัพย์หมื่นแสน ต.บ้านฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาซึ่งพักอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ เป็นผู้ค้ายาเสพติด และได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาได้นำยาเสพติดมาเก็บไว้ที่บ้านพักหลังดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปที่บ้านพักหลังดังกล่าวก่อนเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักที่เกิดเหตุ ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่ในลิ้นชักโต๊ะสำหรับวางทีวีในห้องนอนของผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่ายาเสพติดของกลางเป็นของตนเอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายณัฐพล นัยรมย์ อายุ 19 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 1,598,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย โดยจับกุมได้บริเวณร่องน้ำในเขตพื้นที่ของบ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 10 ต. ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะนำยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้ ก่อนนำออกไปจำหน่ายให้กับลูกค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยได้วางกำลังเฝ้าสังเกตุการณ์ พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยขับรถยนต์ มาจอดที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 10 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วช่วยกันยกถุงพลาสติกสีขาวขนาดใหญ่จำนวนหลายใบเข้าไปยังบริเวณสวนกล้วยที่ปลูกบนคันนาในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนี และพบนายณัฐพล ซ่อนตัวอยู่ในร่องน้ำจึงได้จับกุมตัวไว้ ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวพบยาเสพติดของกลาง และของกลางอื่นจึงได้ยึดไว้ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายกมลศักดิ์ มังกรอัศวศักดิ์ อายุ 44 ปี, นายพงษ์ศักดิ์ มังกรอัศวศักดิ์ อายุ 23 ปี และ น.ส.กัลยรัตน์ แซ่ย่าง อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน100,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณภายในสถานีบริการ ปตท.โค้งวิไลไทยเสรี เลขที่ 9 หมู่ 13 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่แจ้งจากสายลับและร่วมกันสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้จะลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ไปส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์ 2 คัน จึงได้วางแผนจับกุมโดยวางกำลังสังเกตุการณ์ตามเส้นทางหลักที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางผ่าน พบรถยนต์ตามข้อมูลสืบสวนทั้ง 2 คันวิ่งผ่านเส้นทางในพื้นที่ จ.ตาก มุ่งหน้าไปทาง จ.กำแพงเพชร ก่อนมาจอดที่บริเวณสถานีบริการ ปตท.ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปแสดงตัวขอทำการตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 100,000 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดส่งพนักงาน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายวิทยา กันทะวัง อายุ 30 ปี, น.ส.อธิชา เพิ่มดี อายุ 32 ปี, นายบุญส่ง ปรีกมล อายุ 30 ปี, นายนิเวศน์ ใจตรง อายุ 43 ปี และน.ส.จำนอง พรหมสุริยา อายุ 42 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด รถยนต์เก๋ง 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้บริเวณริมถนนหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ออน ระหว่าง กม. 29-30 ทางหลวงชนบท 1317 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องป่าละเมาะหมู่บ้านห้วยฮ่องใคร้ หมู่ 8 ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และในหมู่บ้านสหกรณ์ 3 หมู่ 3 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาในคดีนี้จะลักลอบลำเลียงขนยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ไปส่งมอบให้ลูกค้าใน จ.เชียงใหม่ โดยจะใช้รถยนต์เช่าขับขี่เป็นพาหนะในการลำเลียง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนทราบรถยนต์ทั้ง 2 คันที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดจึงได้สะกดรอยติดตามรถยนต์ทั้ง 2 คันไป จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นว่ารถยนต์อีกที่ทำการสะกดรอยตามไหวตัวพยายามเร่งเครื่องยนต์เพื่อให้หลุดจากการติดตาม เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าสกัดและหยุดรถยนต์ไว้ได้ รวมถึงติดตามรถยนต์อีกคันที่เร่งเครื่องหลบหนีไว้ได้ก่อนจะควบคุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 5 คน พร้อมยึดของกลางยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน พร้อมด้วยของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดยาเสพติด โดยมีของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 1,680,000 เม็ด ไอซ์ 10 กิโลกรัม และรถยนต์ จำนวน 2 คัน โดยสามารถตรวจยึดได้ภายในบริเวณที่ดินบนถนนเลียบคลอง 7 หมู่ 9 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี และบ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยพฤติการณ์ตรวจยึดเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง จะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก มาเก็บซุกซ่อนไว้ ก่อนจะแบ่งกระจายออกจำหน่ายให้กับผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ชุดสืบสวนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และมีคำสั่งให้ออกทำการสืบสวน พร้อมกับประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนยาเสพติดที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถตรวจยึดยาเสพติดจำนวนดังกล่าว ได้ที่บริเวณพื้นที่เช่าทำบ่อปลา บนถนนเลียบคลอง 7 พื้นที่ หมู่ 9 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี และบ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ก่อนนำของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทำการสืบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

คดีที่ 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายคามิน ชั่งเย็น อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 1,846,000 เม็ด ไอซ์ 1 กิโลกรัม เคตามีน 2 กิโลกรัม รถยนต์ 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน โดยสามารถจับกุมได้บริเวณถนนภายในหมู่บ้านและบ้านเลขที่ 78/344 หมู่บ้านวิเศษสุขนคร เฟส 4 หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.ราชบุรี จ.ลพบุรี จ.ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง โดยจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านตามสถานที่จับกุม ก่อนจะแบ่งกระจายออกจำหน่ายให้แก่ผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่จังหวัดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าสะกดรอยติดตามและเฝ้าสังเกตผู้ต้องหา ก่อนวางแผนจับกุมโดยวางกำลังเฝ้าเส้นทางเข้าออกบ้านที่เกิดเหตุไว้ พร้อมนำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าทำการตรวจค้นที่บ้านที่เกิดเหตุ ขณะที่จะเข้าทำการตรวจค้น ผู้ต้องหาไหวตัวได้ขับรถยนต์หลบหนีการจับกุมทำให้เฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงสกัดยางรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาใช้ขับหลบหนีและสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ หลังจากนั้นจึงหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าทำการตรวจค้นที่บ้านที่เกิดเหตุโดยมีผู้ต้องหาเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางยาเสพติดดังกล่าวข้างต้นจึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดยาเสพติดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 100,000 เม็ด ได้ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำลพบุรีด้านหลังบ้านเลขที่ 182 หมู่ 6 ต.บางขันหมาก อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี โดยก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดซึ่งใช้รถยนต์เก๋งที่สืบสวนทราบว่าไปรับยาเสพติดจาก จ.สมุทรสาคร ไปซุกซ่อนไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำลพบุรี ด้านหลังบ้านเลขที่ 182 หมู่ 6 ต.บางขันหมาก อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี จึงได้ติดตามไปตรวจสอบและตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวได้ที่บริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทำการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า การจับกุมขบวนการยาเสพติดรายสำคัญทั้ง 8 คดี เป็นการระดมกวาดล้างจับกุมยาเสพติดในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จากการสืบสวนพบว่ายาบ้าส่วนใหญ่มาจากแหล่งผลิตที่เดียวกันซึ่งเป็นของกลุ่มว้าใต้ เป็นการลักลอบลำเลียงมาจากทางพื้นที่ภาคเหนือ อาศัยประเทศไทยเป็นแหล่งพักยาเสพติด ก่อนจะมีการส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรัดสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในระดับสั่งการของแต่ละคดีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทำการตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น