MGR Online - นักธุรกิจชาวจีน ร้อง “รองปลัดกระทรวงยุติธรรม” ถูกชักชวนร่วมลงทุนในไทยไหวตัวตัวทันปฏิเสธร่วมกิจการ อ้างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เซ็นเอกสาร สุดท้ายโดนแจ้งข้อหา พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
วันนี้ (9 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายม้อ ฉี จิน (Mr.Mo Qui jin) นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน จากเมืองฉางเต๋อ มณฑลหูหนาน อายุ 49 ปี พร้อมด้วย นายณรงค์ ทองคำ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมและช่วยเหลือด้านคดีหลังถูกแจ้งข้อหา กระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
นายณรงค์ กล่าวว่า ผู้เสียหายชาวจีนรายนี้ ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ และไม่มีญาติอยู่ในประเทศไทย โดยได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพียงลำพังเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังได้รับการชักชวนจาก นายหวัง เป็นคนไทยสัญชาติจีน ซึ่งอ้างตัวเป็นสมาชิกสมาคมส่งเสริมการลงทุนไทย - จีน ให้มาร่วมลงทุนก่อสร้างคอนโดมิเนียม และการขนส่งสินค้าไทย - จีน จึงตัดสินใจมาเพื่อดูสถานที่จริง โดยมี นายหวัง รอให้การต้อนรับและพาไปพบ นายหว่าง กั้วปิง บุคคลที่อ้างตัวเป็นประธานสมาคมฯ แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงสถานที่จริงกลับผิดรูปแบบไม่ตรงภาพถ่ายที่นำมาแสดงในเว็บไซต์ ที่ระบุว่า ตั้งอยู่ที่ ต.ประชาธิปัตย์ แต่กลับพาไปดูอาคารโรงเรียนสยามนานาชาติ ต.บึงยี่โถ และเนื้อหาในการเจรจาผลตอบแทนก็ไม่ตรงกับข้อเสนอที่จะขอหักผลประโยชน์ 20 เปอร์เซ็นต์ จากเงินลงทุน จึงปฏิเสธไม่ร่วมลงทุน และขอเดินทางกลับโรงแรมที่พัก
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาแจ้งข้อหาผู้เสียหายชาวจีน ตามความผิดนำข้อมูลอันเป็นเท็จลงระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางสมาคมฯ ได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 10 ล้านบาท ก็จะถอนแจ้งความทันที แต่ผู้เสียหายปฏิเสธ จึงถูกควบคุมตัวฝากขังเป็นเวลา 2 วัน ก่อนติดต่อล่ามให้ประสานมายังตนที่เป็นทนายความ และทำคดีเกี่ยวกับคนจีนเป็นส่วนใหญ่ จึงประกันตัวออกมา ในวันที่ 17 เม.ย.
โดยผู้เสียหายบอกว่า ไม่ทราบเจ้าหน้าที่นำเอกสารอะไรมาให้จึงยอมเซ็น เพราะอ่านภาษาไทยไม่ออก อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ เวลา 13.00 น. จะเดินทางไปเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อให้ปากคำพร้อมทนายความ รวมถึงขณะนี้ผู้เสียหายได้รับความลำบาก เพราะไม่สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ เพราะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ได้ประสานไปยัง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหลักฐาน เนื่องจากคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีการกระทำความผิดจริง ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้ามีการข่มขู่เพื่อเรียกเงินจากชาวต่างชาติ ก็จะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายด้วย