รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2560 ตอน อนาคต ปชต.เกาหลีใต้ ทิ้งไว้ที่การเลือกตั้งผู้นำ
เป็นเรื่องท้าทายมาก ว่าหลังจากวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนที่19 จะได้การยอมรับหรือไม่ นี่เป็นปัจจัยชี้อนาคตของประชาธิปไตยในเกาหลี จะเดินไปได้อย่างสวยงามด้วยพลังประชาชนเหมือนอย่างที่ผ่านมาหรือไม่
หรือจะเจออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้สะดุดและล้มไป เป็นเหตุสั่นสะเทือนความมั่นคงทางการเมืองหรือไม่
เพราะมีข้อกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ประชาชนบางกลุ่มไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง นั่นก็เนื่องจากขณะนี้คนเกาหลีใต้มีความเห็นต่างกันทางการเมือง เริ่มจากเหตุการณ์โค่นล้มนางปัก กุนเฮ ก็มีคนเกาหลีฝ่ายหนึ่งออกมาหนุนนางปัก กับอีกฝ่ายเห็นว่านางปักเป็นคนทรยศ จนประชาชนสองฝ่ายทะเลาะและปะทะกัน ซึ่งถึงวันนี้ทั้งสองฝ่ายต่างมีดีกรีอารมณ์ความร้อนแรงไม่แพ้กัน
สายหนุนปัก กึน เฮมีความหวาดระแวงกลไกทางการเมืองในระบบมาก เพราะพวกเข้าใจว่าการเมืองใช้อำนาจและกลไกกลั่นแกล้งวีรสตรีของพวกเขา จนพานจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ด้วย ถ้าหากนาย "มุน เจ อิน"ที่ติดเบอร์1 ชนะเลือกตั้ง
มึน เจ อิน เป็นผู้สมัครที่ผลสำรวจทุกสำนักชี้ว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแน่ เพราะโพลสำรวจกี่ครั้งก็มีคะแนนนิยมนำมาตลอด ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งความนิยมยิ่งแรงนำโด่งมาคนเดียว สำหรับนายมุนเคยสมัครประธานาธิบดีแข่งกับนางปักเมื่อคราวที่แล้ว แต่สู้กระแสสตรีขี่ม้าขาวไม่ได้ จนมุนแพ้ไปทั้งที่เขาเป็นนักการเมืองที่มีความเก่งกล้าของพรรคประชาธิปัตย์แห่งเกาหลีใต้ มีภาพพจน์ดี ยังไม่ช้ำ ประชาชนก็ให้ความนิยมมาก
มาถึงการลงสมัครคราวนี้ด้วยชื่อเสียงและบารมีเก่าเขาจึงมีคะแนนความนิยมทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นๆมาตลอดตั้งแต่ออกสตาร์ท จะมีสูสีบ้างก็เป็นผู้สมัครเบอร์3 ชื่อ "อัน ชอล ซู" อดีตอาจารย์วิชาฟิสิกส์ ผู้มีฉายา บิลเกตเกาหลี แต่พอเข้าโค้งสุดท้ายอันชอลซูค่อยๆร่วงไป
นายมุนสังกัดพรรคประชาธิปัตย์แห่งเกาหลี ที่เป็นพรรคเก่าแก่ การลงสมัครครั้งนี้นโยบายของมุนและพรรค เน้นการวางอนาคตเกาหลีที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเองอย่างแข็งแกร่ง เช่นนโยบายการเมือง เรื่องปัญหาเกาหลีเหนือ มุนจะเดินหน้าแก้ปัญหาด้วยเกาหลีเอง ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ ไม่เอาสงคราม โดยจะอยู่กับเกาหลีเหนือแบบมีภราดรภาพ นโยบายนี้ถูกใจคนหนุ่มสาวเกาหลีมาก
นโยบายต่างประเทศก็เป็นอีกเรื่องที่คนเป็นผู้นำเกาหลีคนต่อไปจะต้องทำให้ประชาชนอุ่นใจ ที่จะพาประเทศอยู่รอดปลอดภัย เพราะระหว่างนี้ประเทศเกาหลีใต้เผชิญกับแรงบีบจากหลายประเทศคือ สหรัฐฯก็จะเอาสงครามมาให้ ซึ่งคนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ชอบ ยังมีจีนที่ มีมาตรการบีบเกาหลีทางด้านเศรษฐกิจอย่างหนัก แบนเกาหลีใต้ทุกทาง ขู่จะจำกัดการซื้อขายกับเกาหลีซึ่งเป็นปัญหา ถ้าแก้เรื่องนี้ไม่ได้ก็จะมีปัญหามากต่อความเป็นอยู่ของคนเกาหลีในอนาคตอันใกล้
คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่รับรู้ถึงปัญหาหนักนี้ จึงต้องการได้ผู้นำที่ฉลาดไหวพริบดีทำงานเพื่อบ้านเมือง และโอกาสการเลือกผู้นำครั้งนี้ ต้องเลือกคนที่เป็นตัวจริง จะได้ไม่ผิดหวังซ้ำอีกหน
นายมุนมีภาพที่โดดเด่นเหนือใครในจำนวนผู้สมัคร15 เจาจึงคนที่ประชาชนจะเป็นคนฝากความหวังพาชาติเกาหลีพ้นวิกฤติ มุนเป็นนักกฎหมายก่อนจะมาทำงานการเมือง เคยเป็นคนใกล้ชิดนายโนห์ มู ฮียอน อดีตประธานาธิบดีเกาหลีคนที่16 ซึ่งกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายหนีความผิดเรื่องทุจริต
มุนจึงเก๋าเกมไวต่อสถานการณ์รู้ใจประชาชน เขาจึงคิดนโยบายที่โดนใจคนได้ รวมทั้งในการหาเสียงก็สร้างความเชื่อถือได้ดีกว่าคนอื่น
การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีครั้งนี้ คาดกันว่าจะมีพลังคนรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิ์มาก และเป็นพลังชี้ขาดหลายด้าน ซึ่งคนหนุ่มสาวได้แสดงออกทางการเมืองอย่างเปิดเผยมาตั้งแต่ระหว่างเกิดปัญหานางปักเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยรวมพลังชุมนุมกันทั่วประเทศในยามกลางคืนของวันสุดสัปดาห์โดยพร้อมกันจุดเทียนเป็นสัญลักษณ์ สื่อบอกสังคมให้ช่วยกันสร้างแสงสว่างการเมืองเกาหลีต่อไปในระบอบประชาธิปไตยที่ขาวสะอาดพึ่งได้
อย่างต่อเนื่อง คนหนุ่มสาวเกาหลีจึงเรียกการเลือกตั้งประธานาธิบดีหนนี้ว่า "การเลือกตั้งแสงเทียน"เพื่อให้การเลือกตั้งผู้นำสูงสุดมีความโปร่งใสเป็นธรรม ได้คนดี ซึ่งคาดกันว่าหากพลังคนรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิ์กันมาก จนเปอร์เซ็นต์การใช้สิทธิ์เกินกว่าครั้งก่อนคือมากกว่า75.8 เปอร์เซนต์ การเมืองเกาหลีก็จะค่อนข้างปลอดภัยจากเหตุแทรกซ้อน
อย่างไรก็ตาม นายมุน เจ อิน จะชนะการเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีเกาหลีที่คนเกาหลีต้องการให้เข้ามากุมบังเหียนของประเทศ
นายมุนจะต้องทำให้ประชาธิปไตยในเกาหลีใต้สร้างประโยชน์สุขแก่คนส่วนใหญ่ ต้องมีความถูกต้องเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และที่สำคัญจะต้องไม่ทรยศประชาชนด้วยการใช้อำนาจไปหาผลประโยชน์จากใส่ตัวเอง เหมือนผู้นำคนก่อนๆ