แม่หอบหลักฐานแชตไลน์ รูปภาพขบวนการค้ามนุษย์ ร้องปวีณาช่วยหาสาเหตุการตายลูกสาวที่ตกตึกสูงในบาห์เรน ประเทศบาห์เรน หลังถูกนายหน้าหลอกไปทำงานต้อนรับ แต่กลับบังคับค้าประเวณี ซึ่งพบปมขัดแย้งรุนแรงหวั่นเป็นการฆาตกรรมอำพราง
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 60 นางบุญ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี จ.นครราชสีมา พร้อมญาติของ น.ส.เกวรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี หญิงสาวที่ตกตึกเสียชีวิตที่บาห์เรน นำหลักฐานเข้าร้องเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งคาดว่า เป็นการฆ่าตัวตาย แต่แม่ไม่เชื่อ และคิดว่า อาจมีเงื่อนงำ หลังส่งข้อความคุยกับลูกสาวแล้ว ลูกสาวบอกว่าถูกขัง จากนั้นได้ส่งข้อความกลับมาหาในทำนองสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
โดย นางบุญ กล่าวว่า ลูกสาวซึ่งทำงานอยู่ร้านอาหารที่พัทยา ตัดสินใจไปทำงานเสิร์ฟเบียร์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ประเทศบาห์เรน โดยยอมเป็นหนี้ค่าเดินทางถึง 190,000 บาท เมื่อไปถึงก็ทำงานใช้หนี้ แต่ระหว่างนั้นคิดจะย้ายสังกัด แต่ถูกจับได้ จึงถูกขัง และให้อดอาหาร สาเหตุที่แม่รู้เรื่องนี้ เพราะแม่ส่งข้อความคุยกับลูกสาวผ่านทางเฟซบุ๊กหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายก่อนขาดการติดต่อกัน ลูกสาวบอกว่าไม่ปลอดภัย คงไม่ได้กลับบ้าน ฝากดูแลหลานด้วย ถ้าชาติหน้ามีจริง เราคงได้เป็นแม่ลูกกันอีก ต่อมาทราบว่าลูกสาวตกตึกอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เชื่อว่า การเสียชีวิตของลูกสาวต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน เนื่องจากโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของลูกก็ได้หายไป
ตนเสียใจมากที่สูญเสียลูก เพราะลูกสาวเป็นกำลังหลักหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่ง น.ส.เกวรินทร์ ตั้งแต่เด็กเป็นคนสู้ชีวิต ก่อนหน้านี้ มีสามีและลูกสาว 1 คน ซึ่งยังเล็กอยู่ก็ฝากให้แม่เลี้ยง และตัวเองก็ยอมลำบากไปทำงานเพื่อหาเงินจุนเจือ ซึ่งตนก็ต้องก้มหน้าเลี้ยงหลานต่อไป ทั้งนี้ ตนตั้งใจที่จะนำศพลูกกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศไทย โดยหวังว่าจะได้เห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ซึ่งทางกรมการกงสุลได้แจ้งว่าขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 - 3 เดือน ส่วนเรื่องคดีก็ยังไม่ทราบความคืบหน้า ตนหวังว่า หลักฐานที่มีอยู่อาจจะเป็นประโยชน์ในการคลี่คลายคดี จึงได้นำมามอบให้กับนางปวีณา เพื่อประสานช่วยเหลือหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของลูกสาว
หลังรับเรื่องร้องทุกข์ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ทางกระทรวงต่างประเทศได้ดูแลช่วยเหลือทางญาติของ น.ส.เกต ในการประสานรับศพกลับ และชี้แจงขั้นตอนเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่ญาติสงสัยสาเหตุการตายนั้น ทางมูลนิธิปวีณาฯ จะขอให้ตำรวจสากลช่วยประสานอีกทางหนึ่ง โดย นางปวีณา ได้ประสาน พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าตำรวจสากลประเทศไทย และพร้อมจะมอบหลักฐานทุกอย่างที่ น.ส.เกต พูดคุยกับแม่ทางไลน์ขอความช่วยเหลือ และสั่งลาแม่ ทั้งหลักฐานสำคัญเป็นรูปผู้ชายที่ น.ส.เกต ส่งมาให้แม่ แจ้งว่า เป็นหัวหน้าใหญ่และเป็นผู้คุม เพื่อเป็นหลักฐานและเป็นข้อมูลในการสืบสวนร่วมกับตำรวจบาห์เรนตรวจสอบหาข้อเท็จจริงสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.เกต พร้อมประสาน พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมให้การช่วยเหลือตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึง นายธาตรี เชาวชตา ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในการดำเนินการนำศพ น.ส.เกต กลับมาประเทศไทยตามที่ญาติร้องขอต่อไป
ส่วนประเด็นที่ทางญาติของ น.ส.เกต สงสัย คือ 1. หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรนได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง 2. ได้มีการตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือไม่ 3. ได้ดำเนินคดีกับนายหน้า (แม่แท็ก) หรือไม่ 4. สามีของนางเกวรินทร์ นายหน้า เป็นตำรวจหรือไม่ 5. ความคืบหน้าคดีเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้ ฝากเตือนหญิงไทยทุกคนที่คิดจะไปทำงานในต่างแดน ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อนตัดสินใจเดินทาง เพราะแท้จริงแล้วไม่มีที่ไหนจะอยู่สบายเหมือนบ้านเรา และคงไม่มีงานสบายที่จะได้เงินครั้งละมากๆ