MGR Online - “ศรีวราห์” เค้นสอบ 5 แม่เล้า - พ่อเล้า กว่า 4 ชั่วโมงรวด ปฏิเสธทุกข้อหา ไม่ข้องเกี่ยวขบวนการค้าประเวณี แถมไม่เคยรู้จัก “ดาบยุทธ” ขณะที่แม่เหยื่อน้ำเพียงดิน ยืนกรานผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน เคยใช้บริการเด็ก ล่าสุด แม้ศาลไม่อนุมัติหมายจับ 5 ตำรวจ กับ 1 ครู แต่พนักงานสอบสวนจะใช้หมายเรียกแทน
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้าประเวณี เด็กสาวในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน 5 ราย ประกอบด้วย นายมงคล เกียรติภักดีพงศ์ หรือ แป๊ะ อายุ 30 ปี, น.ส.ปัทมพร อิ่นแก้ว หรือ อึง อายุ 31 ปี, น.ส.กนกวรรณ รัตนภักดี หรือ ละม่อม อายุ 22 ปี, น.ส.ขวัญหทัย หรือ ตั๊ก ฤกษ์อุดม อายุ 39 ปี และ น.ส.กัลยา วุฒิคุณ หรือ จอย อายุ 40 ปี มาสอบปากคำ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ทำการสอบปากคำด้วยตนเอง โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ ได้นำตัวมารดาของเหยื่อมาชี้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายด้วย
ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังสอบปากคำ ว่า ในคดีดังกล่าว สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน รับคดีไว้ 36 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน ส่วน ปคม. มี 1 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 คน ส่วนกรณีจะนำเหยื่อเข้าเครื่องจับเท็จเป็นเพียงวิธีการอย่างหนึ่งทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์คำให้การก่อนหน้านั้น กรณีที่กระแสข่าวว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากความขัดแย้งของตำรวจ 2 กลุ่มนั้น เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องสืบสวนสอบ ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ 5 นาย และครูอีก 1 คน แต่ศาลไม่อนุมัติ นั้น ตนได้สั่งให้พนักงานสอบสวนออกเป็นหมายเรียกแทน เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานาน และกำหนดให้ทั้ง 5 นาย มาพบพนักงานสอบสวนในวันศุกร์นี้ที่จะถึงนี้ ตามขั้นตอนเมื่อมารับทราบข้อกล่าวหาก็จะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยใน 5 นาย นี้มียศสูงสุด คือ พ.ต.ท. โดยเร็วๆ นี้ จะเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะในพื้นที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน มี 33 คดี แต่ดำเนินการได้เพียง 3 ราย เท่านั้น สำหรับผู้ต้องหาที่สอบปากคำในวันนี้จะปฏิเสธหรือไม่ ก็ไม่มีผลต่อสำนวนคดี การปฏิเสธเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้รองผบ.ตร. กล่าวว่า จากที่ดูข้อมูลเบื้องต้นคล้ายกับว่ามีความพยายามช่วยเหลือ จึงสั่งการให้ตรวจสอบประเด็นนี้หากพบว่ามีอีกคนพยายามช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหาขบวนการนี้ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านมารดาเหยื่อ เปิดเผยว่า รู้จักผู้หญิงทั้ง 4 คน ที่นำมาสอบในวันนี้เป็นอย่างดี เว้น นายมงคล ที่ไม่รู้จัก สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตนยังคงยืนยันว่า เคยใช้บริการเด็ก โดยติดต่อผ่านแม่เล้าชื่อฟ้าที่ถูกจับไปก่อนหน้านั้น ช่วงเกิดเหตุช่วงปลายเดือนกันยายนช่วงที่มีจัดเลี้ยงก่อนรับตำแหน่ง ซึ่ง4คนนี้จะพาเด็กไปขายบริการ โดยตำรวจติดต่อผ่านทางแม่เล้า พ่อเล้า 6 คน รวมเมย์กับฟ้าด้วย นอกจากนี้ ยังมีเด็กที่ตกเป็นเหยื่อที่ยังไม่ออกมาเรียกร้องกว่า 20 คน ซึ่งตนก็ไม่ทราบ ส่วนผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มากดดันหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ ส่วน น.ส.กัลยา วุฒิคุณ หรือ จอย 1 ในผู้ต้องหากล่าวว่า ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการค้าประเวณี และไม่รู้จักกับดาบยุทธ ไม่เคยมีโทรศัพท์ เฟซบุ๊ก ไลน์ รู้จักกลุ่มเด็กบางคนแต่ไม่เคยพาไปขายตัว ส่วนแก๊งนกฮูก ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอเห็นภาพแก๊งนกฮูกรู้เพียงว่าเป็นเด็กจากที่อื่น ส่วนมารดาผู้เสียหายตนรู้จักแต่ไม่สนิท เพราะเคยนำรถไปจำนำ กับอดีตสามีของหญิงคนนี้ แล้วลูกสาวที่เป็นเหยื่อก็เป็นคนไปกดเอทีเอ็มนำเงินมาให้ หนักที่เด็กที่เป็นเหยื่ออีกคน รู้จักกันในฐานะของเด็กรุ่นเดียวกับลูกสาวที่ไปมาหาสู่ที่ร้านเสริมสวยของตน มากินข้าวด้วยกันเป็นประจำ เคยให้ยืมเงินไป 150 บาท แต่ไม่สนิทสนม เพราะตนเปิดร้านเสริมสวย แต่ยอมรับว่ารู้จักฝน ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดในสังคมออนไลน์ กล่าวหาพวกตนว่าเป็นแม่เล้า จึงไปยืนยันในความบริสุทธิ์ และก่อนหน้านั้น ตนกับพวกไปแจ้งความไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรม เนื่องจากได้รับความเสียหาย และมีพี่คนหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่ามีตำแหน่งอะไรในศูนย์ดำรงธรรมเป็นผู้เดินเรื่องพาไปแจ้งร้องทุกข์ ไปติดต่อ กอ.รมน. ยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องค้าประเวณี เป็นคนหาเช้ากินค่ำ มีหนี้สินทำงานใช้หนี้ไปวันๆ แล้วขอถามว่า ท้ายที่สุดแล้วถ้าตนไม่ได้มีความผิดจริงจริง ใครจะมารับผิดชอบครอบครัวตอนนี้ธุรกิจร้านเสริมสวยก็ทำไม่ได้ ไม่มีคนมาใช้บริการ แล้วชีวิตตนจากนี้ใครจะรับผิดชอบ
ด้าน นายมงคล กล่าวว่า ตนทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไปของแขวงการทางแม่ฮ่องสอน แต่ทำหน้าทีทำงานทั่วไปอยู่ในป่า อยู่ในดอย นานๆ ครั้ง จึงจะเข้ามาในเมือง ไม่รู้จักรดาบยุทธ และไม่เคยรู้เห็นการค้าประเวณี ไม่เคยจัดเด็กดูแลนายในแขวงการทางแต่อย่างใด เรื่องนี้จะต้องยืนยันความบริสุทธิ์ว่าตนไม่เกี่ยวข้องถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่มีความผิด
ขณะที่ น.ส.ปัทมพร กล่าวว่า ยืนยันว่า ตนไม่เคยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี แต่ยอมรับว่า รู้จักกับนางสาวฟ้า ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และรู้ว่าฟ้ารู้จักกับบุตรสาวของผู้ที่ร้องทุกข์ในเรื่องนี้ ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ใครให้ทำอะไรก็ทำไปเรื่อยๆ แต่หลังจากมีเรื่อง ก็ได้รับการติดต่อจากลุงพัน ซึ่งเป็นเพื่อนกินเหล้า แต่ก็ไม่เคยรู้จักหน้าที่การงานเรียก แต่ว่าลุงพัน นำข้อมูลการสนทนาใน LINE ของลุงพัน กับแม่ของเหยื่อมาให้ โดยลุงพันบอกว่า เห็นข้อมูลกล่าวหาว่าตนและพวกเป็นแม่เล้าในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงอยากจะช่วยเหลือ สอบถามข้อเท็จจริงระหว่างที่ลุงพันพยายามติดต่อตนนั้น ก็ถือแม่ของเหยื่อสวมรอยคุยแทน อ้างว่าเป็นตน แต่ยืนยันว่า ไม่รู้จักกับลุงพันเป็นการส่วนตัว เชื่อว่า คงไม่ได้จะช่วยให้ผลคดี แต่เป็นการสอบถามกันเฉยๆ โดยได้นัดเจอกับลุงพัน ที่ธนโชติรีสอร์ทในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อนำข้อมูลการสนทนาที่ถูกสวมรอยมาเป็นหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนางสาวจอย และ นางสาวอึ่ง ได้นำข้อมูลการสนทนาของลุงพันกับมารดาเหยื่อมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน ทำให้มารดานำข้อมูลการสนทนาใน LINE อันเดียวกัน ที่สนทนากับลุงพันแล้วสวมรอยเป็นนางสาวอึ่ง มาแสดงเช่นกัน โดยอ้างว่า ในการสนทนาชายที่ชื่อลุงพันได้กล่าวอ้างว่า จะรู้จักกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล กอ.รมน. และเกี่ยวข้องกับการสอบสวนเรื่องนี้มีอำนาจเสนอใช้มาตรา 44 จัดการเรื่องนี้ได้. และในการสนทนาคล้ายพยายามจะช่วยเหลือกลุ่มแม่เล้า
ทั้งนี้ หลังจากมีการนำข้อมูลมาเปิดเผย พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ให้ตรวจสอบประเด็นชายที่ชื่อลุงพันว่าเป็นใคร มีความพยายามเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้องหรือไม่
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวของเหยื่อมาเข้าเครื่องจับเท็จ ที่กองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนยันคำให้การว่าตรงกับที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย คาดว่า พรุ่งนี้จะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาต่อไป