MGR Online - ผบก.ปคม.แถลงรวบ “เจ๊บีม-แก้ม” รับสารภาพพาเด็กหญิง 14 ค้าบริการ อ้างเด็กยินยอมทำเองเนื่องจากต้องการเงินกลับบ้าน ตำรวจชี้อยู่ในภาวะจำยอม เตรียมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดี
วันนี้ (20 เม.ย.) เวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. ร่วมแถลงผลการจับกุม น.ส.ปวีณ์สุดา ขันสาทะ หรือแก้ม อายุ 20 ปี และนายธนพัตร แสนคำ หรือเจ๊บีม อายุ 31 ปี สองผู้ต้องหาคดีเด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกวัยรุ่นรุมโทรม เหตุเกิดที่ สภ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เมื่อเดือน พ.ย. 2559 ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยร่วมกันแสวงหาประโยชน์มิชอบจากการเป็นธุระจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า จากการสอบสวนเด็กหญิงเอทราบว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 59 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าตัวได้ออกจากบ้านมาหาเพื่อนที่โรงเรียน จากนั้นก็ไปนั่งคุยกันบริเวณหลังร้านเกมอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ย่านตลาดด่านช้าง โดยมีนายธนวัฒน์ กำแหงคุมพล มาร่วมดื่มกับกลุ่มเด็กหญิงเอจนเกิดอาการมึนเมา ต่อมานายธนวัฒน์กับพวกอีก 2 คนได้พาผู้เสียหายไปรุมข่มขืนในป่าละเมาะห่างจากร้านเกมประมาณ 5-10 กม.จนสำเร็จความใคร่ ก่อนพาเด็กหญิงเอไปส่งที่ร้านเกมที่เดิมอีกครั้ง
“ทั้งนี้ ภายในร้านเกมพบว่ามีนายธีรพัฒน์ ศรีสงกา และนายสุนัย บุญแป้น จึงร่วมกันรุมโทรมเด็กหญิงเอจนสำเร็จความใคร่ทุกคน ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาเช้าของวันที่ 13 พ.ย. 59 นายสุนัยได้อาสาขับรถไปส่งเด็กหญิงเอที่บ้านพักของนายประมวล ขันซาทะ ซึ่งมี น.ส.ปวีร์สุดา อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย กระทั่งเวลา 16.00 น. นายประมวลกระทำชำเราเด็กหญิงเอจนสำเร็จ หลังจากนั้น น.ส.ปวีร์สุดาได้ติดต่อไปหานายธนพัตร แม่เล้าที่รู้จักกันให้นัดหมายลูกค้ามาซื้อบริการเด็ก ราคา 1,500 บาท และให้ น.ส.ปวีร์สุดา พาเด็กหญิงเอขี่จักรยานยนต์ไปที่โรงแรมเอพีวิลล่า เพื่อค้าประเวณีกับลูกค้า ก่อนรอรับกลับไปส่งที่บ้านนายประมวลอีกครั้ง” พล.ต.ต.กรไชยกล่าว
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวอีกว่า จากคำรับสารภาพของนายธนพัตร อ้างว่าได้รับการติดต่อจากเด็กหญิงเอว่าต้องการหาเงินใช้ในการเดินทางกลับบ้าน จึงได้ช่วยติดต่อลูกค้าให้เป็นลูกค้าสูงวัยอายุประมาณ 50 ปี และเมื่อติดต่อหาลูกค้าได้แล้วก็ให้ น.ส.ปวีณ์สุดา ทำหน้าที่พาเด็กหญิงเอไปส่งและรอรับกลับ ก่อนจะนำเงินที่ได้แบ่งให้เด็กหญิงเอด้วย โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้ผู้เสียหายขายบริการ
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจะให้การอย่างไรก็ตาม แต่จากการสืบสวนสอบสวน พบว่าเด็กหญิงเอซึ่งเป็นผู้เสียหายอยู่ในภาวะจำยอม ถือว่าแตกต่างจากการยินยอมอยู่มาก หลังจากนี้ขอยืนยันว่า บก.ปคม.เตรียมดำเนินการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายธนพัตรเปิดเผยว่า ตนจะมีลูกค้าที่ได้บอกต่อๆ กันมาให้ช่วยเป็นธุระจัดหาผู้หญิงให้ โดยไม่เคยถามว่าลูกค้าเป็นใคร หรือชื่ออะไร โดยในแต่ละครั้งจะได้ค่าจัดหาเป็นเงิน 500 บาท ยอมรับว่าผิด และขอโทษต่อสังคมกับสิ่งที่ตนเองกระทำไป และฝากถึงผู้ที่ยังทำพฤติกรรมแบบตนเองขอให้มีสติอย่าหลงผิด
ตำรวจ ปคม. คุม “น้องสาวไก่ด่านช้าง-กะเทยเอเยนต์” ลวงเด็ก 14 ถูกรุมโทรมไปค้าบริการต่อ ฝากขัง
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ร.ต.อ.ตรีเพชร สมน้อย พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม. ได้ควบคุมตัว น.ส.ปวีณ์สุดา หรือแก้ม ขันซาทะ อายุ 20 ปี และนายธนพัตร หรือเจ๊บีม แสนคำ อายุ 31 ปี สาวประเภทสอง ซึ่งทั้งสองเป็นชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 19 เม.ย. 2560 คดีร่วมกันค้ามนุษย์และเป็นผู้รับจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ค้าประเวณี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 นวัน ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. - 1 พ.ค. นี้ เนื่องจากยังต้องสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องอีก 7 ปาก และรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองด้วย เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวเกรงว่าจะหลบหนี และอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2559 เวลาประมาณ 17.00 น. เศษ เด็กหญิงผู้เสียหายอายุ 14 ปี ได้ออกมาจากบ้านพักเพื่อร่วมกิจกรรมแปรอักษรที่หน้าโรงเรียนใน จ.สุพรรณบุรี แต่มาช้ากว่ากำหนดจึงไม่ได้ร่วมกิจกรรม จากนั้นผู้เสียหายกับกลุ่มเพื่อนได้พากันไปที่ตลาดด่านช้าง ซึ่งเพื่อนของผู้เสียหายได้ชักชวนกันไปนั่งคุยหลังร้านเกมส์ที่มีกลุ่มวัยรุ่นชายนั่งอยู่หลายคน กระทั่งเวลา 21.00 น.เศษ ผู้เสียหายมีอาการมึนเมาสุรา ซึ่งขณะนั้นนายธนวัฒน์ หรือเต้ย คำแหงคุมพล กับพวกรวม 2 คน บอกว่าจะพาไปส่งบ้าน เนื่องจากผู้เสียหายอ้างว่าไม่มีเงินกลับบ้าน แต่ระหว่างทางได้ขี่รถจักรยานยนต์พาวนไปบริเวณป่าร้าง แล้วนายธนวัฒน์กับพวกได้รุมกระทำชำเราผู้เสียหาย ลักษณะเป็นการโทรมหญิงจนสำเร็จความใคร่ กระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 13 พ.ย. 2559 นายธนวัฒน์ได้หลอกผู้เสียหายจนหลงเชื่อว่า เพื่อนของผู้เสียหายรออยู่ที่ร้านเกมส์ เพื่อจะไปส่งกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงร้านเกมส์ซึ่งขณะนั้นปิดบริการแล้ว ผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ข่มขืนกระทำชำเราอีก โดยนายธนวัฒน์ยังได้หลอกผู้เสียหายอีกว่า เพื่อนของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งอยู่ที่บ้านของนายประมวล หรือไก่ ขันซาทะ ที่มีหน้าที่ดูแลร้านเกมส์ จึงจะพาผู้เสียหายไปส่งที่บ้านนายประมวล เพราะไปส่งที่บ้านของผู้เสียหายไม่ไหว เนื่องจากดึกแล้วและทางเปลี่ยว ผู้เสียหายจึงต้องยอมตามนั้น โดยไปนอนค้างคืนที่ห้องนายประมวลที่มี น.ส.ปวีณ์สุดา ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นน้องสาวของนายประมวล และยังมีเพื่อนของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งนอนอยู่ในห้องนั้นด้วย กระทั่งเวลา 10.00 น. ผู้ต้องหาที่ 1 กับเพื่อนของผู้เสียหายได้ชักชวนตัวผู้เสียหายและเพื่อนอีกคนหนึ่งไปนั่งดื่มสุรากันอีกที่หาดทราย อ.ด่านช้าง แล้วในเวลา 16.00 น. ได้พากันกลับมาที่บ้านของนายประมวล ซึ่งระหว่างอยู่ที่บ้าน นายประมวลได้หยอกล้อเล่นกับผู้เสียหายแล้วพากันไปมีเพศสัมพันธ์ในห้องนอน จากนั้นเวลา 19.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายบอกกับเพื่อนและผู้ต้องหาที่ 1 ว่าอยากกลับบ้านพักแล้ว แต่ถูกผู้ต้องหาที่ 1 ชักชวนให้ไปขายบริการ จะได้เงินตอบแทน 1,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 ได้โทรศัพท์คุยกับผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นเอเย่นหาเด็กขายบริการเพื่อนัดหมายกัน ก่อนที่จะพาผู้เสียหายไปพบลูกค้าชายไทยอายุประมาณ 40-50 ปี ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.ด่านช้าง โดยลูกค้าคนดังกล่าวยังให้เงินเป็นค่าทิปพิเศษกับผู้เสียหายอีก 300 บาท หลังเกิดเหตุแล้วนายประมวลได้โทรศัพท์หาผู้ต้องหาที่ 1 ให้รีบนำผู้เสียหายไปส่งที่บ้าน เนื่องจากทราบว่ามารดาของผู้เสียหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ด่านช้าง ให้ติดตามหาตัว หลังหายออกจากบ้านไปเกือบสองวัน
โดยเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ได้นำหมายจับศาลอาญาเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีฐานร่วมกันค้ามนุษย์กับบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ด้วยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก, ร่วมกันเป็นธุระ จัดหา เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นโดยการจัดหาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร แม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ และได้ลงมือกระทำความผิดนั้น ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 52 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 9 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283, 283 ทวิ, 284 เหตุเกิดที่โรงแรมใน ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ซึ่งภายหลังสิ้นสุดเวลาทำการ ไม่มีญาติยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุม น.ส.ปวีณ์สุดา ผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนนายธนพัตร ผู้ต้องหาที่ 2 ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ