MGR Online - ปปง.ประชุมร่วมตำรวจกองปราบฯ สอบเส้นทางการเงิน “โชกุน” ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นพบเงินสด 3 ล้านในบัญชี ส่วนอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ถูกโอนย้าย เร่งสอบผู้เสียหายรวบรวมหลักฐานออกหมายจับทีมแม่ข่ายเพิ่ม
วันนี้ (14 เม.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าพบ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เพื่อหารือการตรวจสอบทรัพย์สิน และเส้นทางการเงินของ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน กรรมการบริหารบริษัท เวลท์ เอฟเวอร์ ผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนลอยแพผู้เสียหายทัวร์ญี่ปุ่น
พล.ต.ต.สุทินเปิดเผยว่า ขณะนี้ ปปง.ได้อายัดเงินฝากจำนวน 3 ล้านบาทของ น.ส.พสิษฐ์ เบื้องต้นทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ยังไม่พบว่าถูกโอนต่อไปยังบุคคลอื่น โดยจะเร่งตรวจสอบอายัดทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหาย
ทั้งนี้ เชื่อว่ามีผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคนในฐานะแม่ข่ายอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ และรอผลสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวที่ มทบ.11 โดยเบื้องต้นยังไม่พบผู้บงการหรือตัวการใหญ่ที่อยู่ในระดับสูงกว่า น.ส.พสิษฐ์ ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วเกือบ 400 คน ส่วนผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถเข้าแจ้งความต่อตำรวจท่องเที่ยว หรือตำรวจในพื้นที่
พล.ต.ต.สุทินกล่าวอีกว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการคลี่คลายคดีโดยมีหน่วยงานประกอบด้วย กองปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และ ปปง. โดยมีการนัดประชุมติดตามความคืบหน้าในคดีอีกครั้งวันจันทร์ที่ 17 เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ได้ลงนามในคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่ 55/2560 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน โดยมีการระดมตำรวจฝีมือดีกว่า 100 นาย จากในส่วนของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ (ปปง.) มาร่วมคลี่คลายคดี โดยมอบหมายให้พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผบก.ปคบ ทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยจะมีนัดประชุมติดตามความคืบหน้าในคดีอีกครั้งวันที่ 17 เมษายนนี้ ที่ห้องประชุมชิวปรีชา ภายในกองบังคับการปราบปราม ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ในการสอบปากคำผู้เสียหาย ตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีผู้เสียหายจำนวนมากทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนกลางปราบปราม โดยทาง พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รองผกก.1บก.ทท. ตร.กองปราบปราม ตร.ท่องเที่ยว
โดยทางพ.ต.อ.อาชยน กล่าวว่า ทางพล.ต.ท.ฐิติราช เน้นย้ำให้ตำรวจอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหายที่เดินทางเข้ามาแจ้งความ โดยทางตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจกองปราบปรามจะอำนวยความสะดวก แนะนำขั้นตอนการแจ้งความ ซึ่งมีการเตรียมแบบฟอร์มเอกสารให้ผู้เสียหายกรอกในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการรับแจ้งความ อย่างไรก็ตามคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ทางพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. ได้สั่งการผ่านวิทยุในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีหนังสือเวียนกำหนดแนวทางเพื่ออำนวยความสะดวกผู้เสียหาย ว่าสามารถเดินทางมาแจ้งความที่กองปราบปราม หรือแจ้งความในท้องที่เกิดเหตุ รวมทั้งท้องที่ที่ใกล้บ้านก็ได้
ทั้งนี้มีรายงานว่าแม้จะมีการสั่งการผ่านวิทยุในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องของการให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความร้องทุกข์กรณีนี้ แต่ปรากฏว่ามีหลายท้องที่ที่ยังคงไม่รับไม่แจ้งความ โดยน.ส.แพรว (นามสมมุติ) เผยว่า ตนและครอบครัวได้เดินทางมาแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี หลังตกเป็นเหยื่อที่ถูกน.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน หลอกว่าพาไปทัวร์ญี่ปุ่นได้ ตนจึงเดินทางไปแจ้งความที่ชลบุรี แต่ปรากฏว่าทางพนักงานสอบสวนแนะนำว่าให้มาแจ้งความที่กองปราบปรามเพราะจะได้รับความสะดวก รวดเร็วมากกว่า อีกทั้งทางพนักงานสอบสวนในสภ.นั้นอ้างว่ายังไม่ได้รับหนังสือเวียนเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับผู้เสียหายหลายรายที่โดยลักษณะดังกล่าว ที่เดินทางไปยังท้องที่ใกล้บ้านแต่ปรากฏว่าทางพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ
อย่างไรก็ตามทางตำรวจกองปราบปรามและตำรวจท่องเที่ยวได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียหายทั้งหมดที่เดินทางมา ซึ่งหากผู้เสียหายประสงศ์แจ้งความที่กองปราบปรามก็จะให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ แต่หากทางผู้เสียหายประสงศ์ที่จะแจ้งความที่ท้องที่ใกล้บ้านก็ได้โทรศัพท์ประสานไปยังหัวหน้าสถานีในท้องที่นั้นๆ ให้อำนวยความสะดวกในการทำคดี
ทั้งนี้มีรายงานว่าสถานีตำรวจที่ทางผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความแต่ปรากฏว่าทางพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ ประกอบไปด้วย สน.ดินแดง สน.สายไหม สน.ทุ่งมหาเฆม และ สภ.เมืองชลบุรี เป็นต้น