MGR Online - ทนายความ “โชกุน” เผยขอยื่นประกันปล่อยตัวชั่วคราวหลังสงกรานต์ ทรัพย์สินไม่พอ-อยู่ระหว่างถูกอายัด ด้านประธานองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่พาเหยื่ออีก 60 คนเข้าแจ้งความซ้ำ พร้อมเรียกร้องนายกฯ เร่งจัดการคดี
วันนี้ (14 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 09.00 น. นายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ น.ส.ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือซินแสโชกุน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ติดต่อเข้าเยี่ยมซินแสโชกุนเพื่อชี้แจงสิทธิตามขั้นตอนของกฎหมายและการฝากขังในวันนี้ พร้อมแจ้งว่าว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยคาดว่าจะยื่นต่อศาลหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่วันนี้หากศาลรับคำร้องฝากขังจะต้องถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำก่อนเนื่องจากทรัพย์สินถูกเจ้าหน้าที่อายัดไปแล้วบางส่วนทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ญาติของซินแสโชกุนก็ยังถูกควบคุมตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ มทบ.11 ทำให้ยังติดต่อญาติไม่ได้ ประกอบกับรอผลสรุปของสำนวนคดีว่าจะมีการแจ้งข้อหาอื่นอีกหรือไม่ ซึ่งซินแสโชกุนก็เข้าใจแต่มีความกังวลเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับซินแสโชกุนยังยืนยันว่าไม่มีเจตนาหลอก การจัดทัวร์เป็นการพาไปเที่ยวคล้ายกับโปรโมชันที่แถมให้สมาชิกและยินดีชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมดด้วย
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอัครกิตติ์ ซิ้มเจริญ ประธานองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่ นำกลุ่มตัวแทนผู้เสียหายและแม่ข่ายจำนวน 50-60 คน จากตัวแทนจำนวนผู้เสียหาย 333 คน ยอดความเสีย 6,299,936 บาท มาแจ้งความดำเนินคดีต่อซินแสโชกุน โดยนายอัครกิตติ์กล่าวว่าได้นำผู้เสียหายมาแจ้งความเพื่อเรียกร้องคืนค่าเสียหายซึ่งการดำเนินธุรกิจแบบนี้เป็นธุรกิจอำพรางไม่ใช่ลักษณะของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ หรือธุรกิจท่องเที่ยว พฤติกรรมมีการฉ้อโกงประชาชนทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศและธุรกิจขายตรงเกิดความเสียหาย ทั้งนี้ยังหลอกให้ประชาชนซื้อสินค้าพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เรื่องของการท่องเที่ยวมาจูงใจโดยนำธุรกิจขายตรงมาบังหน้า เช่น มีการอ้างคำพูดว่าคนจ่ายเพียงคนละ 500 บาทเท่านั้น ใครก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ รับจำนวนจำกัดเพียงแค่ 40 ราย เป็นการเป็นการโปรโมตในช่วงแรกเพื่อดึงดูดให้เหยื่อให้สนใจ มีการโชว์ภาพว่าได้ไปเที่ยวจริงเพื่อให้ลูกค้าที่จะไปเที่ยวครั้งที่ 2 หลงเชื่ออย่างสนิทใจ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของซินแสโชกุนไม่ได้มีการจดทะเบียนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท อีกทั้งลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าก็ไม่ได้รับสินค้าตามความที่กล่าวอ้าง แผนธุรกิจนั้นทำแค่การโน้มน้าวใจและประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คืนความสุขประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้วยการจัดการคดีให้เร็วที่สุด และคืนเงินมาให้ผู้เสียหายโดยเร็ว เพราะการกระทำของซินแสโชกุนเป็นการทำลายความสุขของประชาชน ดังนั้นวันนี้พวกเราจึงมาเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม” นายอัครกิตติ์กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.กล่าวว่า ตำรวจจะคุมตัวซินแสโชกุนไปฝากขังผลัดแรกที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ในเวลา 10.00 น. ขณะนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนเพียงข้อหาเดียว พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากหากได้รับการปล่อยตัวไปเกรงว่าจะหลบหนี ประกอบกับซินแสโชกุนยังถูกศาลแขวงพระนครเหนือออกหมายจับในชื่อเดิม คือ น.ส.ภวิศ ภูริภัทร์เมฆินทร์ ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันในข้อหาฉ้อโกง กรณีหลอกลวงผู้เสียหายติดต่อนำบุตรอายุ 9 ปี ไปถ่ายแบบที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเรียกเก็บค่าดำเนินการ 2.2 แสนบาท แต่ไม่สามารถพาไปถ่ายแบบได้จริง พื้นที่สน.ห้วยขวางด้วย อย่างไรก็ตาม ซินแสโชกุนยังยืนยันคำให้การเดิม แต่ตำรวจพิจารณาในส่วนพยานหลักฐานและพฤติการณ์ในคดีเป็นหลัก ส่วนผู้เสียหายที่ถูกลอยแพทัวร์ญี่ปุ่นขณะนี้เข้าแจ้งความแล้วรวม 314 คน และในวันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จะเข้ามาที่กองปราบปรามเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดทรัพย์สินต่อไป
ต่อมาเวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ควบคุมตัว น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน ออกจากห้องขังภายในกองบังคับการปราบปรามเพื่อไปขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกที่ศาลอาญารัชดา โดย น.ส.พสิษฐ์อยู่ในสภาพยิ้มแย้มไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้แต่งกายด้วยเสื้อยืดโปโลสีขาว กางเกงสีฟ้า รองเท้าผ้าใบ และปฏิเสธที่ไม่ให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยอะไรกับผู้สื่อข่าว โดยระหว่างที่ตำรวจกองปราบปรามนำตัวซินแสโชกุนเดินไปขึ้นรถนั้น ได้มีผู้เสียหายกว่า 20 คนที่ทราบข่าวว่าจะมีการนำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปฝากขังได้มายืนตะโกนด่าทอด้วย บางส่วนได้ถือป้ายมีใจความว่า “มันนี่เกมทำลายอาชีพ ทำลายชาติ, เศรษฐกิจไม่ดี แต่จิตใจต้องดี, ปลุกพลังคนดีสู้คนเลว”