รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน
กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 11 เมษายน 2560 ตอน คดี"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ชนวนเร้าการเมืองระอุ!
หลังการออกมาของทักษิณ ชินวัตรที่เขียนข้อความตัดพ้อต่อว่าผ่านเฟซบุ๊ค ทำให้มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆ ว่า ทักษิณ กำลังคิดและมีแผนการอะไรอยู่ หรือมีปัญหารุมเร้าจนทุกข์ใจทนอยู่เฉยไม่ได้ อย่างที่รู้กันว่า ช่วงนี้ทักษิณต้องตั้งรับกับปัญหาหลายเรื่อง ที่น่าจะหนักเอาการก็เป็นปมปัญหาเรื่องถูกเรียกเก็บภาษีเงินได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปที่คาราคาซังมาเกือบ10ปี
ซึ่งทักษิณคิดว่าสบายลอยตัวไปแล้ว แต่กลับมาเจอมหัศจรรย์ของกฎหมายตามเช็คบิลจนไปไม่รอด ถูกเรียกเก็บภาษี บวกเงินเพิ่มพร้อมค่าปรับ รวมที่พิณทองทา และพานทองแท้ต้องจ่ายรวม17,000 ล้านบาทเศษ
มองอีกด้าน ที่ทักษิณสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่เงียบๆไม่ไหวก็อาจเป็นเพราะเป็นห่วงเรื่องคดีความ ของเครือญาติตระกูล ชินวัตร ที่เริ่มงวดมาทุกที เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำให้ตระกูลชินวัตรหมดสภาพไปเลยก็ได้ ถ้าหากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวโดนอาญาไปอีกคน
โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในขั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง คือคดีรับจำนำข้าว อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้าน
คดีมีความเคลื่อนไหวล่าสุดมีการสืบพยานนัดไปเมื่อ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งวันดังกล่าว ทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นำพยานขึ้นเบิกความรวม 3 ปาก ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าว และอดีตประธานกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน),
พ.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พยานเกี่ยวกับการดำเนินคดี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว
โดยศาลได้นัดสืบพยานจำเลยครั้งต่อไป ในวันที่ 24 พ.ค. 2560 ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตามบัญชีนัดพยานจำเลย องค์คณะฯได้นัดไต่สวนนัดสุดท้ายช่วงเดือนก.ค.ปีนี้ โดยต้องดูว่า องค์คณะจะมีการเรียกพยานบุคคลมาไต่สวนเพิ่มเติมจากบัญชีพยานของโจทก์และจำเลยหรือไม่
เพราะศาลมีอำนาจทำได้ หากเห็นว่ายังต้องการข้อมูล ต่างๆ ให้ครบถ้วน ก็สามารถออกหมายเรียกพยานบุคคลซึ่งไม่ได้อยู่ในบัญชีพยานโจทย์และจำเลย มาเบิกความได้
แต่หากไม่มีการเรียก ห้วงเวลาสำคัญที่ทางศาลฎีกาฯจะตัดสินก็มีการคาดหมายกันว่า ก็เป็นไปได้ที่ศาลอาจจะนัดลงมติและอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในช่วง ก.ค.-ก.ย.ปีนี้ เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้วที่จะชี้ชะตายิ่งลักษณ์ จึงใกล้เวลาสำคัญที่ยิ่งลักษณ์และทักษิณพร้อมลิ่วล้อต้องลุ้นกันด้วยใจระทึก!?
ขณะที่คดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่งหรือคดีละเมิดของงยิ่งลักษณ์นั้น ที่คณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง กระทรวงการคลังได้พิจารณาสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ได้สรุปความเห็นความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
โดยเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีความประมาทอย่างร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายในการรับจำนำข้าววงเงิน 1.8 แสนล้านบาท จึงได้พิจารณาการรับผิดตามกฎหมาย กำหนดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบเฉพาะตัวแต่เพียงผู้เดียว ในสัดส่วนร้อยละ 20 ของมูลค่าความเสียหาย 1.8 แสนล้านบาท หรือเป็นเงินต้องรับผิดชอบจำนวน 35,717 ล้านบาท
หลังที่กระทรวงการคลังสรุป และส่งเรื่องมาให้ยิ่งลักษณ์ ทางยิ่งลักษณ์ก็ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้ทุเลาคำสั่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศาลปกครองกลางเคยมีคำสั่งยกคำขอที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ตามที่ ให้นายบุญทรงกับพวก ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกับกระทรวงพาณิชย์กรณีการขายข้าวจีทูจี
เพราะศาลเห็นว่าคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ยังไม่ใช่การใช้มาตรการเข้ายึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระ ศาลปกครองจึงยกคำขอของนายบุญทรงกับพวก
ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ ก็ร้องต่อศาลปกครองกลางแบบเดียวกับ บุญทรงกับพวก คือขอเพียงใช้สิทธิ์ร้องไว้ก่อน เพื่อหวังให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับคำสั่งของกระทรวงการคลัง แต่เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่าน ศาลปกครองยกคำขอของยิ่งลักษณ์ โดยวินิจฉัยเหมือนกับกรณีบุญทรงกับพวก ว่าคำขอยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะรับฟัง ไม่มีเงื่อนไขที่จะสั่งทุเลาการบังคับคดี
คาดว่า หลังจากที่มีคำสั่งศาลไม่ให้ตามคำขอของยิ่งลักษณ์ ทำให้ฝ่ายต่างๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กรมบังคับคดี ที่ต้องชะลอเรื่องไว้ก่อนหน้านี้เพื่อรอฟังผล ก็คงจะได้เวลาเดินหน้าแจ้งให้ยิ่งลักษณ์เอาเงินค่าชดเชยความเสียหาย3หมื่นกว่าล้านบาทมาชำระเสียดีๆ ถ้าขัดขืนก็คงจะถูกมาตรการขั้นเด็ดขาดต่อไป
ทางด้านการเมืองก็จะร้อนระอุขึ้นแน่ เพราะคดียิ่งลักษณ์เป็นเงื่อนไขจุดชนวน