MGR Online - พนักงานสอบสวน สน.บางเขน คุมตัว “จ่าเสก ดอนเมือง” ผู้ต้องหาจ้างวานทำร้ายกรรมการมวยลุมพินีฝากขังผัดแรก ขณะที่ศาลพิจารณาคำร้องก่อนอนุญาตให้ฝากขัง ด้านทนายยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเป็นโฉนดที่ดิน มูลค่า 1 ล้านบาท
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (8 เม.ย.) พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้นำตัว พันจ่าอากาศเอก สุริยดิษฐ์ จรัสชิตณรงค์ หรือ จ่าเสก ดอนเมือง อายุ 42 ปี เจ้าของค่ายมวย ส.เสือเพชร ผู้ต้องหาในคดีทำร้าย นายอุดม ดีกระจ่าง อายุ 59 ปี ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคสนามมวยลุมพินี ฐานเป็นผู้ใช้ จ้างวาน หรือการกระทำใดๆ ให้ผู้อื่นไปกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289(4), 295, 296 ประกอบ 289(4) 84, 87 วรรคท้าย มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8 - 19 เมษายน เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังเหลือสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก และผลตรวจพิมพ์มือผู้ต้องหาและผลตรวจของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เวลาประมาณ 14.00 น. มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่สนามมวยลุมพีนี ย่านบางเขน ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์ชื่อว่า นายยุทธนากุ หลาบม่วง ได้พกอาวุธปืนติดตัวมาด้วย ส่วนผู้ซ้อนท้ายชื่อ นายจิระพันธ์ โกยทรัพย์ ได้พกระบองยาว 55 ซม. ในขณะนั้นนายอุดม ดีกระจ่าง ประธานกรรมการผู้ตัดสินมวยได้ยืนคุยโทรศัพท์ริมถนนทางขึ้นสนามมวย จากนั้น นายจิระพันธ์ ได้เดินถือไม้กระบอง แล้วใช้ไม้ฟาดไปที่ศรีษะนายอุดม อย่างแรง 1 ครั้ง และตีที่ลำตัวอีก 1 ครั้ง ทำให้นายอุดมศรีษะแตกได้รับบาดเจ็บ จากนั้น นายจิระพันธ์ ได้วิ่งไปซ้อนจักรยานยนต์ที่นายยุทธนาติดเครื่องรออยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ นายอนุชา ประทุมมา ผู้ตายซึ่งเป็น รปภ. ได้วิ่งเข้ามากอดรัดควบคุมตัวนายจิระพันธ์ ไว้ในจังหวะดังกล่าว นายยุทธนา จึงได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่นายอนุชา 1 นัด เข้ากลางหลังทะลุลิ้นปี่ จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และผู้ต้องหาหลบหนีไป
จากการสืบสวนพบว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากข้อพิพาทเกี่ยวกับการเล่นพนันชกมวย โดยกลุ่มของ นายสุริยดิษฐ์ หรือ เสก ดอนเมือง ผู้ต้องหานำนักมวยในค่าย ส.เสือเพชร มาชกที่สนามมวยลุมพีนีแล้วแพ้ตลอดมา จึงไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายอุดม ที่ตัดสินให้ นายสุริยดิษฐ์ เสียประโยชน์เป็นเงินหลายล้านบาท จึงได้จ้างผู้ต้องหาทั้งสองไปทำร้ายนายอุดม จนได้รับบาดเจ็บ แต่ผลของการกระทำเป็นเหตุให้ นายอนุชา รปภ. ถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย โดยย่อมเล็งเห็นผล ประกอบกับหลังเกิดเหตุนายสุริยดิษฐ์ได้หนีไปอยู่ที่ใด ไม่มีผู้ใดทราบ จึงมีพฤติการณ์หลบหนีคดี และต่อมาศาลอายาได้ออกหมายจับ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เมษายน นายสุริยดิษฐ์ จึงได้มอบตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขนดำเนินการตามกฏหมาย เหตุเกิดที่ สนามมวยลุมพีนี แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการมวย มีลูกน้องบริวารจำนวนมากเกรงไปข่มขู่ผู้เสียหายและพยานโดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยทนายของนายสุริยดิษฐ์ ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล