“โชเฟอร์หื่น” ปฏิเสธบังคับสาวพม่าอมนกเขา เผยแค่ต้องการชิงทรัพย์ ซัดสื่อบางสำนักเสนอข่าวมั่ว ยันไม่ใช่คนร้ายข่มขืนชาวต่างชาติ 4 - 5 ราย พบมีประวัติติดคุกคดีข่มขืน หลังออกมาไม่นานก่อเหตุอนาจารเด็ก ลั่นหากมีโอกาสอยากกลับมาขับแท็กซี่อีก วอนสังคมให้โอกาส พร้อมแนะผู้โดยสารเจอคนขับแท็กซี่บริการไม่ดี ควรลงจากรถ และให้นั่งเบาะหลังเท่านั้น เวลาเกิดเหตุจะลงได้ทันที
วันนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 22.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล บช.น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เจ้าหน้าที่ กก.สส. บก.น.1 และฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายคมสรรณ์ โตทิม อายุ 34 ปี จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 827/60 ลงวันที่ 2 เม.ย. ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” เป็นโชเฟอร์รถแท็กซี่หื่น ที่ก่อเหตุบังคับให้ผู้โดยสาร สาวพม่า อายุ 27 ปี สำเร็จความใคร่ด้วยปาก เมื่อวันที่ 1 เม.ย. พร้อมของกลาง เงินจำนวน 300 บาท และเสื้อสีเทาที่ใส่ในวันก่อเหตุ ไอแพด 1 เครื่อง สามารถจับกุมได้ที่ ห้องเช่าชั้นเดียว เลขที่ 14/2 ซอยหัวนา 2/6 ต.หัวนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า โชเฟอร์แท็กซี่พยายามขืนใจผู้โดยสารชาวเมียนมาก่อนชิงทรัพย์และหลบหนีไป หลังตามจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าใน จ.กาญจนบุรี ขอยืนยันว่า คดีนี้ตำรวจไม่เคยนิ่งนอนใจ และต้องการเร่งรัดคดีเพื่อความปลอดภัยของประชาชนหลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้นั่งแท็กซี่ไปขึ้นรถทัวร์โดยสาร เพื่อไปที่จ.สระบุรี ไปนอนค้างที่ จ.มุกดาหาร และตั้งใจจะข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่เงินไม่พอจึงย้อนกลับมา วันต่อมาที่ จ.กาญจนบุรี จากนั้นชุดสืบสวนตำรวจนครบาล และสน.ห้วยขวาง ไปติดตามตัวเจอวันนี้ตอนช่วงเวลา 17.00 น. จากนั้นได้ซักถามและตรวจค้นพบของกลางเป็นชุดที่ใส่ในวันเกิดเหตุ และตรวจสอบทรัพย์สิน พบของกลางเงินสดที่ชิงทรัพย์ไป 9 พันบาท แต่เหลือเพียง 300 บาท จากนี้จะนำหลักฐานเสื้อและกางเกงยีนส์ที่ใส่ในวันเกิดเหตุไปตรวจสอบเพิ่มเติม ในคืนนี้จะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังที่ สน.ห้วยขวาง ส่วนวันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) จะนำตัวไปตรวจร่องรอยบาดแผลตามร่างกายเพื่อประกอบสำนวน พร้อมแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ ชิงทรัพย์
จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพ ว่า วันเกิดเหตุได้รับผู้เสียหายไปส่งย่านพัฒนาการ ก่อนจะอ้างว่าจะลงไปปัสสาวะ โดยให้การยอมรับว่า ต้องการชิงทรัพย์ ส่วนข้อหาละเมิดทางเพศ ยังให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้ว่าแท็กซี่ทั้งหมด โดยขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ตนอยากจะฝากเตือนไปยังผู้โดยสารขึ้นแท็กซี่ แล้วเจอแท็กซี่อารมณ์ฉุนเฉียวให้ลง แต่หากเจอแท็กซี่บริการดี ก็ขอให้โอกาส หากมีโอกาสก็จะมาขับแท็กซี่ใหม่ พร้อมขอโอกาสจากสังคม ทั้งนี้ ยังได้อยากเตือนผู้โดยสาร ว่า หากต้องโดยสารเวลากลางคืน ขอให้สังเกตแท็กซี่ว่ามีอาการมึนเมา หรือมีสติให้บริการหรือไม่ หากบริการไม่ดี ก็ควรลงจากรถ และควรนั่งเบาะหลังคนขับเพียงเท่านั้น เพื่อที่เวลาเกิดเหตุจะลงได้ทันที ส่วนก่อนหน้านี้ มีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอไปนั้นว่าตนเป็นบุคคลอันตราย และได้ข่มขืนเหยื่อชาวต่างชาติมา 4 - 5 ราย ตนขอยืนยันว่า ไม่เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติ นายคมสรรณ์ พบเมื่อปี 2555 เคยก่อเหตุคดีข่มขืน ถูกจำคุก 3 ปี จากนั้นเมื่อเดือน พ.ย. 2558 มีหมายจับศาลจังหวัดระยอง โดย สภ.มาบตาพุด เป็นผู้ร้อง ข้อหา “กระทำอนาจารบุคคลอายุต่ำกว่า 15 ปี” “ทำร้ายร่างกาย” และ “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”