MGR Online - ตำรวจ บช.ปส.ฝากขัง “พลโท” นายทหารนอกราชการ พัวพันแก๊งค้ากัญชาอัดแท่ง 3,000 กิโลกรัม พร้อมคัดค้านประกันตัว ชี้อัตราโทษสูงหวั่นหลบหนี ไร้ญาติยืนประกัน ส่งเข้าเรือนจำทันที
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 15.30 น. ร.ต.อ.ประเสริฐ แตงอ่อน พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ได้ควบคุมตัว พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร นายทหารนอกราชการ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มาฝากขังต่อศาลอาญาครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-13 เม.ย. 2560 ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
คำร้องฝากขังระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2559 ระหว่างเวลา 10.00-16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 244 และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.กับพวกได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสี เจซัน อายุ 64 ปี สัญชาติไต้หวัน และนายสุพรชัย หรือโก๋ ชูแก้ว อายุ 45 ปี พร้อมของกลางกัญชาแห้งอัดแท่งบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 3,155 แท่ง น้ำหนัก 3,155 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายราคา 32 ล้านบาท พร้อมของกลางอื่นรวม 17 รายการ ซึ่งก่อนเกิดเหตุตำรวจชุดจับกุมได้ทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวลาวจะลำเลียงกัญชาส่งต่อให้พ่อค้ากัญชาชาวไทยไม่ทราบชื่อ ในเขตพื้นที่ จ.ปทุมธานี หรือ จ.ชลบุรี ต่อมาจึงมีการลำเลียงกัญชามาส่งมอบกันที่บริเวณป่าหญ้าริมถนนเลียบฝั่งแม่น้ำโขง ข้างสวนยางพารา ใกล้ท่าทรายเซ็นจูรี ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ เมื่อคืนวันที่ 22 ส.ค. 2559 เวลาระหว่าง 21.00-23.00 น. เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบพบเป็นกัญชาอัดแท่งจำนวน 3,200 กิโลกรัมดังกล่าว บรรจุในกระสอบปุ๋ยสีขาว วางซุกซ่อนอยู่จึงได้ตรวจยึดไว้ต่อมาวันที่ 23 ส.ค. 2559 เวลา 20.00 น.จึงให้เจ้าหน้าที่อำพรางลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งดังกล่าวใส่รถบรรทุกออกเดินทางจากจังหวัดบึงกาฬ
ระหว่างทาง ท้าวบูน ไม่ทราบนามสกุลจริง ชาวเมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว เจ้าของยาเสพติด ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่อำพรางและสายลับ โดยแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ที่จะมารับมอบยาเสพติดกัญชาอัดแท่ง เจ้าหน้าที่อำพรางจึงได้ติดต่อชายผู้จะมารับกัญชาและนัดพบกันบริเวณที่พักรถยนต์ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ในวันต่อมาวันที่ 24 ส.ค. 2559 เวลา 16.00 น. มีนายจีระยุทธ วาณิชย์ เครือข่ายผู้ค้ากัญชาชาวไทย เป็นผู้ขับรถยนต์นำเจ้าหน้าที่อำพรางลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่งดังกล่าวมาเก็บไว้ยังโกดังเก็บสินค้าของบริษัท ฟอร์โมซา ปิโตรเคมีคอล จำกัด ที่ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี โดยมีนายสี เจซัน เป็นเจ้าของโกดัง เป็นผู้มาเปิดประตูโกดัง จากนั้นนายจีระยุทธและเจ้าหน้าที่อำพรางจึงขนกัญชาลงจากรถบรรทุกไปเก็บไว้ในโกดังเสร็จสิ้นแล้วเวลาประมาณ 18.00 น. หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.ชุดจับกุม จึงได้จัดวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณรอบโกดังที่เกิดเหตุ และสังเกตกลุ่มบุคคลเครือข่ายของผู้ค้ายาเสพติดกัญชาชาวไทยและชาวต่างชาติ และจากการสืบสวนสังเกตการณ์พบว่า นายสี เจซัน และนายสุพรชัย หรือโก๋ ชูแก้ว ซึ่งเป็นลูกน้องทำหน้าที่เฝ้าดูแลและเปิด-ปิดประตูโกดังที่เกิดเหตุซึ่งเก็บกัญชา และตรวจไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในโกดัง
ต่อมาวันที่ 4 ก.ย. 2559 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่พบว่า นายสี เจซัน กับพวกเริ่มไหวตัวและเตรียมจะหลบหนีจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและแสดงตัวของตรวจค้นและจับกุมนายสี เจซัน และนายสุพรชัย หรือโก๋ ชูแก้ว ผู้ต้องหา จากนั้นให้นำตรวจค้นภายในโกดังพบกัญชาอัดแท่งรวม 3,150 แท่ง ซุกซ่อนอยู่โดยมีผ้าเต็นท์สีดำคลุมปิดอยู่ จึงนำผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ในช่วงวันเวลาระหว่างเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซึ่งซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโกดัง พบว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2559 เวลา 17.15 น. พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถยนต์เบนซ์ สีดำ ทะเบียน ฐง 8789 กทม.เข้ามาตรวจดูกัญชาภายในโกดังร่วมกับนายสี เจซัน จากนั้นได้เรียกโทรศัพท์เรียกชายอีก 2 คน ขับรถยนต์เก๋ง เข้ามาตรวจดูกัญชาในโกดังร่วมกัน จากนั้นทั้ง 4 คนจึงกลับออกไป โดยพบว่ามีบุคคลซึ่งน่าเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในคดีนี้จำนวนหลายราย ร่วมกันกระทำความผิดลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ รวมทั้ง พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหานี้ด้วย จึงขอออกหมายจับ พล.ท.เกรียงไกรกับพวกรวม 7 คน ตามหมายจับเลขที่ 349/2559 ลงวันที่ 25 พ.ย. 2559 กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 15.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ได้จับกุม พล.ท.เกรียงไกร ชัยชุมพร ผู้ต้องหาได้ขณะเดินทางมาปรากฏตัวและเยี่ยมพวกผู้ต้องหาที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถ.วิภาวดี-รังสิต เขตหลักสี่ กทม. จึงจับกุมและแจ้งข้อหาดังกล่าว
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนระบุว่า เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จ, รอสอบปากคำพยานอีก 4 ปาก และตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือ จึงขออำนาจศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และการกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะเป็นเครือข่ายและเป็นภัยต่อสังคม หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงจะหลบหนีและกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ โดยวันนี้ไม่ปรากฏว่ามีญาติมายื่นประกันตัวแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงคุมตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที