MGR Online - ตำรวจตามล็อกตัวจนได้ “โจร แก๊งหมูบิน” ขับเก๋งคัมรี่ตระเวนงัดบ้านหรูใน กทม. และ ปริมณฑล คนเดียวกับที่งัดบ้าน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” และ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” พีธีกรชื่อดังถึงกับมึน ดูของกลางไม่เจอทรัพย์สินตัวเองกว่า 10 ล้าน ก่อนผู้ต้องหารับสารภาพสิ้น นำขายบ่อนพนันเพื่อนบ้านเกลี้ยง ได้เงิน 2 ล้าน ใช้เงินเที่ยวเตร่เล่นการพนันจนหมด พบก่อเหตุกว่า 24 ครั้ง
วันนี้ (2 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกกระศร รอง ผบก. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ โมรานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธ์วงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายณัฐ หรือ โต้ง ชาหอม อายุ 39 ปี หัวหน้าแก๊งหมูบิน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 155/2560 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2560 นายกีรติ หรือ แจ็ค กุมพล อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 156/2560 ลงวันที่ 1 เม.ย. 2560
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” โดยยึดของกลางประกอบด้วย รถยนต์โตโยต้า คัมรี่ รุ่นไฮบริด สีขาว แผ่นป้ายทะเบียนนับสิบแผ่น โทรศัพท์มือถือ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นาฬิกาข้อมือ เครื่องประดับ พระเครื่อง ปากกา รวมของกลางทั้งหมด 151 รายการ โดยจับกุมตัวทั้งสองคนได้ที่รีสอรต์แห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะมาเช่าหลบซ่อนตัว
โดย นายโต้ง หัวหน้าแก๊ง กับ นายแจ็ค ลูกน้อง และพรรคพวกอีก 2 คน ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ได้ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์มานับครั้งไม่ถ้วนในเขต ภาค 1 ภาค 2 ภาค 7 รวมทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และที่สำคัญคือ คนร้ายแก๊งนี้ออกอาละวาดลักทรัพย์ที่บ้านของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ย่านมีนบุรี ได้ทรัพย์สินเป็นนาฬิการาคาแพง ก่อนจะบุกเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านของพิธีกรชื่อดังนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ที่บ้านในจังหวัดสมุทรปราการ ได้ทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไป
จนกระทั่งล่าสุด นายโต้ง กับ นายแจ็ค ได้ออกก่อเหตุอีกในช่วงกลางดึก เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 60 โดยขับรถยนต์โตโยต้า สีขาว รุ่นคัมรี่ ไฮบริด ติดป้ายทะเบียนปลอมเข้าไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านเมืองทองธานี โครงการ 2 ซอย 2 หมู่ 9 ต.บางพูด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยงัดตู้เซฟและได้ลักทรัพย์สินไปจำนวน 15 รายการ รวมมูลค่า 1,292,500 บาท จากนั้น วันที่ 13 มี.ค. 60 เวลากลางวัน บุกเข้าไปลักทรัพย์ภายในหมู่บ้านสายลม หมู่ 5 อ.ปากเกร็ด ได้ทรัพย์สินไป 14 รายการ รวมมูลค่า 1,821,700 บาท จนกระทั่ง พ.ต.ท.มงคล อ่อนแก้ว รอง ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.พลเทพ นันทสำเริง รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ต.นพรัตน์ คำมาก สว.สส.สภ.ปากเกร็ด ร่วมกันสืบสวนจากภาพทางกล้องวงจรปิด จึงพบว่าทั้งสองคนเป็นคนร้าย จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้เมื่อกลางดึกของคืนวนศุกร์ที่ผ่านมา ที่รีสอร์ตในจังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนนำตัวมาสอบสวนขยายผลและตามยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ก่อนนำตัวมาแถลงข่าว
เวลาต่อมา นายณวัฒน์ อิศรไกลศีล ผอ.กองประกวดมิสแกรนด์ และพิธีกรชื่อดัง พร้อมผู้เสียหายอีกหลายสิบคนได้เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด พร้อมตรวจดูของกลางนับร้อยรายการในตู้โชว์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามกลับคืนมาได้ โดยผู้เสียหายหลายรายสามารถชี้ยืนยันทรัพย์สินของตนเองได้บางส่วน ขณะที่ นายณวัฒน์ เองกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบไม่พบทรัพย์สินของตนเองเลย จึงหันไปถามนายโต้งหัวหน้าแก๊งหมูบิน ว่า เอาทรัพย์สินของตนไปขายที่ไหน
นายโต้ง จึงตอบว่า หลังจากที่ได้ทรัพย์สินของนายณวัฒน์ไปแล้ว วันรุ่งขึ้นกลายเป็นข่าวโด่งดัง ตนจึงหลบหนีไปอยู่ฝั่งอรัญประเทศ โดยเช่าโรงแรมหรูชื่อโรงแรม “นากา” ข้างล่างเป็นบ่อนขนาดใหญ่ นำทรัพย์สินของนายณวัฒน์ขายไปทั้งหมดได้เงินมาราว 2 ล้านบาท ก่อนใช้กิน เที่ยวเตร่ เล่นการพนันจนหมด เมื่อเรื่องเงียบลงจึงข้ามกลับมาฝั่งไทย ร่วมกับพวกออกก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านหรูได้เงินมาก็แบ่งกันกับลูกน้องก่อนแยกย้ายกันไปใช้เงิน เมื่อเงินหมดก็ออกมาก่อเหตุแบบนี้อีก
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ชื่อแก๊งหมูบิน ก่อเหตุในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ก่อเหตุในเวลากลางวัน เลือกบ้านที่ไม่มีคนอยู่ และมีรถยนต์ราคาแพงจอดไว้ โดยขับตระเวนดูหลายๆ รอบ รวมทั้งหมู่บ้านที่ไม่มี รปภ. หรือ มี รปภ. แต่ไม่เข้มงวด จะสังเกตบ้านที่ดูมีฐานะแล้วลงมือใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมางัดแงะด้วยความชำนาญ ส่วนรถยนต์ก็จะเปลี่ยนป้ายทะเบียนไปเรื่อยๆ โดยใช้ป้ายทะเบียนรถที่ขโมยมา สำหรับทรัพย์สินที่ลักมาได้จะนำออกไปจำหน่ายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามบ่อนการพนัน สำหรับพื้นที่ที่เคยก่อเหตุ มี จ.นนทบุรี 2 ครั้ง, จ.สมุทรปราการ 7 ครั้ง, จ.ปทุมธานี 1 ครั้ง, ต.ฉะเชิงเทรา 2 ครั้ง, จ.ชลบุรีและพัทยา รวม 3 ครั้ง, จ.นครราชสีมา 3 ครั้ง และพื้นที่ กทม. จำนวน 6 ครั้ง
น.ส.จุรีรัตน์ ลี้สกุลรักษ์ หนึ่งในผู้เสียหาย ที่หมู่บ้านนันทวัน ศรีนครินทร์ กล่าวว่าสำหรับบ้านของตนคนร้ายก่อเหตุเมื่อปลายปี 2559 ได้ทรัพย์สินเป็นนาฬิกาข้อมือจำนวน 18 เรือน เป็นมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท วันนี้ที่มาตรวจดูของกลางพบว่ามีนาฬิกาของตนเหลืออยู่ 3 เรือน ที่เหลือคาดว่าคนร้ายน่าจะนำไปขายหมดแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่หมู่บ้านสายลม ถนนแจ้งวัฒนะ และหมู่บ้านเมืองทองธานี ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนของกลางทั้งหมดที่ได้มาจากการจับกุม ผู้เสียหายสามารถติดต่อขอตรวจสอบได้ที่ สภ.ปากเกร็ด ตามวันและเวลาราชการ