MGR Online - เล็งจับขาใหญ่ ระบุ “เป็กโก้” บงการเบื้องหลังคดีตีหัวสั่งสอนกรรมการมวยลุมพินี ตำรวจพบความเชื่อมโยงให้ “จิมมี่” สมุนมือขวาจัดหาทีม เผยแค้น “เสี่ย ข.” ทุ่มเงินซื้อกรรมการจนตัวเองต้องเสียเดิมพันหลายล้าน
จากเหตุการณ์สองคนร้ายบุกเข้าทำร้ายนายอุดม ดีกระจ่าง ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคสนามมวยลุมพินี แต่เกิดบานปลายเมื่อนายอนุชา ประทุมมา รปภ.ที่เห็นเหตุการณ์แล้วเข้าช่วยเหลือจึงถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าสาเหตุมาจากเรื่องพนันภายในสนามมวย กระทั่งสามารถติดตามจับกุมคนก่อเหตุมาได้ระหว่างหลบหนีไปยังชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 09.50 น. ที่ สน.บางเขน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.น.2 และพ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายจิระพันธ์ โกยทรัพย์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และท่อนไม้ โดยตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองฯ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ โดยนายจิระพันธ์เป็นผู้ใช้ไม้ตีใส่ศีรษะนายอุดม ดีกระจ่าง ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคของสนามมวยลุมพินี ได้รับบาดเจ็บ ร่วมกับนายยุทธนา กุหลาบม่วง ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีซึ่งเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์และชักอาวุธปืนยิงนายอนุชา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าหน้าสนามมวยจนเสียชีวิต ขณะเข้ามาช่วยเหลือนายอุดม เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ นายจิระพันธ์ถูกจับกุมได้ที่ จ.สุรินทร์ ขณะกำลังจะหลบหนีออกไปยังประเทศกัมพูชา
จากการสอบสวนนายจิระพันธ์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้ไม้ตีนายอุดม ส่วนนายยุทธนาได้รู้จักกันในวงการมวย เป็นผู้ใช้ปืนยิงนายอนุชาจนเสียชีวิต ก่อนแยกย้ายกันหลบหนีไป ส่วนสาเหตุที่ใช้ไม้ตีนายอุดม เนื่องจากโกรธแค้นเรื่องการตัดสินมวยทำให้ตัวเองเสียพนันประมาณ 1 ถึง 2 หมื่นบาท จึงตั้งใจเพียงแค่จะไปสั่งสอนนายอุดม โดยไม่ทราบว่านายยุทธนาจะนำปืนไปด้วย และยืนยันว่าไม่มีใครว่าจ้างให้มาก่อเหตุ เป็นความโกรธแค้นส่วนตัวเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี ส่วนนาย ส. ที่พบว่าผู้ต้องหาไปพบก่อนเกิดเหตุนั้นเป็นบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับคดีแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
ต่อมาภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายจิระพันธ์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกคือบริเวณที่เกิดเหตุสนามมวยลุมพินี และจุดที่ 2 คือ บริเวณคูน้ำเลียบกำแพงศูนย์พัฒนากีฬา กองทัพบก รามอินทรา ซึ่งเป็นจุดที่นายจิระพันธ์ทิ้งท่อนไม้ก่อนลงจากจักรยานยนต์แล้ววิ่งข้ามฝั่งหลบหนีเข้าไปในซอยด้านข้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รามอินทรา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำนำตัวนายจิระพันธ์ส่งฝากขังศาลอาญา รัชดาภิเษก ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้บงการและเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เชื่อว่ามาจากเรื่องขัดแย้งการพนันมวยนั่นเอง โดยเป็นที่ทราบกันว่าบรรดาเซียน หรือขาใหญ่ของสนามมวยลุมพินีนั้นมีอยู่ไม่กี่กลุ่ม แต่ที่ขึ้นชื่อและมีอิทธิพลมากที่สุด คือ กลุ่ม “เป็กโก้” เนื่องจากเดินสายอยู่ในแวดวงผู้กว้างขวางใน กทม.และมีความนิยมชมชอบเล่นพนันมวยมากเป็นพิเศษ แหล่งข่าวรายเดียวกันเปิดเผยว่า เป็กโก้ถือเป็นผู้มีบารมีในสนามมวยลุมพินีระดับต้นๆ มีกลุ่มเซียนพนันถือหางจำนวนมาก รวมทั้ง “ขาเล็ก” ซึ่งเวลาเดิมพันข้างไหนจะเฮโลตามไปด้วย ต่อมาเกิดมีปัญหากระทบกระทั่งกับคณะกรรมการตัดสินมวย โดยฝ่ายเป็กโก้หาว่ามีกรรมการบางคนกินสินบนเพื่อเปลี่ยนคำตัดสิน ขณะที่คนที่ติดต่อให้เงินกรรมการก็คือ “เซียน ข.” กระทั่งโปรแกรมล่าสุดก่อนเกิดเรื่อง เป็กโก้กับพวกเข้าไปเล่นพนันแต่มวยแพ้เสียเงินเดิมพันไปหลายล้านบาท จึงวางแผนให้ “จิมมี่” คนสนิทจัดหาคนไปทำร้ายนายอุดม ดีกระจ่าง ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคสนามมวยลุมพินี เพื่อเป็นการสั่งสอน แต่จังหวะนั้นนายอนุชา รปภ.ซึ่งเข้าเวรอยู่เห็นเหตุการณ์จึงเข้าช่วยเหลือและถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว สำหรับ “เป็กโก้” ขาใหญ่แห่งวงการพนันมวยนั้น ก่อนหน้านี้เคยมีประวัติถูกตำรวจจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนฐานเป็นมาเฟียข่มขู่ รีดไถผู้ค้าแผงลอยตลาดเขมาเนรมิต ย่านบางซื่อ กทม.
