MGR Online - สาวนวดสปาร้องกระทรวงยุติธรรม ตกเป็นแพะคดีชิงทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 10 ปี พบผิดสังเกตหลายประเด็นรูปร่างลักษณะไม่เหมือนกัน อีกทั้งผู้เสียหายระบุคนร้ายจัดฟัน ตรวจประวัติเหยื่อขัดแย้งกับหลักฐาน
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) น.ส.ปวิตรา กองกำพล อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้างนวดสปา จ.ภูเก็ต เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ รวมมูลค่ากว่า 7 แสนบาท พื้นที่ จ.ตรัง เมื่อปี 2554 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต ตามจับกุมในปี 2559 โดยศาลชั้นต้นจังหวัดตรังพิพากษาตัดสินให้จำคุก 10 ปี และขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับเรื่อง
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า จากภาพกล้องวงจรปิดของเจ้าหน้าที่ได้มานั้นพบว่า น.ส.ปวิตรา กับผู้ก่อเหตุตัวจริง รูปร่างไม่เหมือนกัน และเป็นคนละคนกัน รวมถึงได้เช็กประวัติจากโรงพยาบาลของ น.ส.ปวิตรา ที่เข้ารักษาตัวซึ่งต้องมีการชั่งน้ำหนักตัวพบว่าไม่เคยต่ำกว่า 70 กิโลกรัม รวมถึงเจ้าตัวเป็นคนชอบโพสต์รูปภาพลงในเฟซบุ๊กเป็นประจำวันจึงทำให้เห็นภาพรอยสักที่ข้อมือซ้ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เสียหายเคยให้การว่า คนร้ายได้ใส่เหล็กจัดฟันซึ่งทีมงานได้ไปดำเนินการพิมพ์ปาก น.ส.ปวิตรา ปรากฏว่าฟันเกมาก และมีฟันเขี้ยว เพราะปกติการจัดฟันจะมีการถอนฟันเขี้ยวออกทำให้ทราบว่าไม่ได้มีการจัดฟันแต่อย่างใด
“ทั้งนี้ ต้องมีการตรวจสอบว่าระหว่างช่วงเกิดเหตุนั้นน่าจะมีคดีเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ จ.ตรัง ว่ามีการออกหมายจับผิดตัวหรือไม่ เนื่องจากหลักฐานสำคัญ ผู้เสียหายได้ถูกมอมยาแล้วรูดทรัพย์ไปนั้นให้การว่าพบกับ คนร้ายตัวจริ ถึง 3 ครั้ง โดยมีการนัดพบรับประทานอาหารด้วยกัน แต่ประเด็นน่าสงสัย คือ ให้ผู้เสียหายชี้ตัวผู้ก่อเหตุผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และไม่ได้ชี้ตัวจริงๆ แต่วันดังกล่าว น.ส.ปวิตรา ได้ไปงานเลี้ยงวันเกิดร้านหมูกระทะ จ.ภูเก็ต โดยมีพยานไปด้วย” พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวอีกว่า กระทรวงยุติธรรมจะประชุมร่วมกับ บช.ภ.9 เพื่อหาข้อเท็จจริงร่วมกัน เพราะการอ้างที่อยู่ไม่สามารถสู้หลักฐานการชี้ตัวได้ ต้องหาข้อเท็จจริงทั้งหมดเพิ่มเติมโดยมีผู้ชำนาญการเข้ามาตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ด้านทนาย น.ส.ปวิตรา กำลังยื่นอุทธรณ์แล้ว โดยกระทรวงยุติธรรมจะยื่นสำนวนเพิ่มเติมเพื่อให้ศาลพิจารณาใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์เพิ่มเติม
ด้าน น.ส.ปวิตรากล่าวว่า ตนเองเป็นคน จ.ราชบุรี และได้ทำงานอยู่ที่ร้านสปา จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ ส.ค. 2554 นอกนั้นก็ไม่เคยเดินทางไปที่อื่นรวมทั้ง จ.ตรังด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายได้ให้สัมภาษณ์ว่าผู้หญิงที่ก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์นั้นเป็นผู้หญิงจัดฟัน และจากรูปกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าที่ข้อมือไม่มีรอยสัก ซึ่งเป็นลักษณะที่ตรงข้ามกับตนเองทั้งสิ้น เพราะตัวเองฟันเก ไม่เคยจัดฟัน และสักที่ข้อมือตั้งแต่อายุ 18 ปี ตนไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เสียหายจึงระบุว่าตนเองก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์ ทั้งนี้ ตนทราบว่าผู้เสียหายชี้รูปจากทะเบียนราษฎร ขณะที่ผู้เสียหายไม่ยอมที่จะมาพบกับตนเองแต่อย่างใด
น.ส.ปวิตรากล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะตัวเองทำงานส่งเงินเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และส่งเงินให้แม่ใช้ แต่ตอนนี้ตัวเองต้องเดินทางไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดตรังทุก 12 วัน ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น และเงินจ่ายค่าเช่าหลักทรัพย์ประกันตัว 40,000 บาท ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นตัดสินว่ามีความผิดจริงและให้ประกันตัววงเงิน 200,000 บาท
“ก่อนหน้านี้ดิฉันไม่คาดหวังผลเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ยุติธรรมจังหวัดภูเก็ตได้พามาพบกับทีมงานกระทรวงยุติธรรมแล้ว ได้ดำเนินการหลายอย่างรวมทั้งพาไปพิมพ์ปากเพื่อตรวจสอบว่าเคยจัดฟันหรือไม่ และยังมีภาพของตัวเองอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเพื่อนเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น 3 วัน จะเห็นความแตกต่างของรูปร่างระหว่างคนก่อเหตุตัวจริงกับดิฉันอย่างชัดเจนมาก และในสัปดาห์หน้านี้ทางทีมกระทรวงยุติธรรมจะนำเครื่องจับเท็จไปตรวจสอบพิสูจน์ดิฉันที่จังหวัดภูเก็ต” น.ส.ปวิตรากล่าว