MGR Online - ทนายสงกานต์พาลูกจ้างกองทัพบก ร้อง กระทรวงยุติธรรม ถูกสามีนายทหารยศร้อยตรีทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส กะโหลกร้าว แจ้งความดำเนินคดีแล้วกว่า 8 เดือน ไม่คืบหน้า
สืบเนื่องจากเหตุ น.ส.สุกฤตา สุภานิล หรือ จูน อายุ 28 ปี ลูกจ้างสังกัดกองทัพบก ถูกสามีซึ่งเป็นนายทหารยศ ร.ต. ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กะโหลกศีรษะร้าว เบ้าตาแตก หลังจับได้ว่าสามีแอบไปมีเมียน้อย ในพื้นที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ ก.ค. 2559 โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าไว้ที่ สภ.สามร้อยยอด แต่ผ่านไปกว่า 8 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า ซ้ำยังถูกสามีตามมาข่มขู่
ล่าสุด วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 14.30 น. ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย น.ส.สุกฤตา สุภานิล และ น.ส.สุนทรี เถาวัลย์ มารดาจูน เดินทางเข้าพบ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอความเป็นธรรมหลังคดีไม่มีความคืบหน้า
นายสงกานต์ กล่าวว่า วันนี้ตนพา น.ส.สุกฤตา มาร้องขอความช่วยเหลือเรื่อง เงินชดเชยคดีอาญา และ การคุ้มครองพยาน รวมทั้ง ตนทราบว่า ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ซึ่งตั้งอยู่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในวงเงิน 400,000 บาท โดยในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.) ตนจะพา น.ส.สุกฤตา เข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจดีเอ็นเอ จากเส้นผมผู้เสียหาย เนื่องจากตนเชื่อว่า อาวุธปืนที่พบในวันเกิดเหตุซึ่งเก็บไว้ที่ สภ.สามร้อยยอด น่าจะมีคราบดีเอ็นเอ ของ น.ส.สุกฤตา ติดอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนไม่เชื่อว่า จะมีผู้ลงมือเพียงคนเดียว เพราะสถานที่ก่อเหตุอยู่ภายในซอยเปลี่ยวห่าง 20 กิโลเมตร จากถนนใหญ่
ด้าน น.ส.สุนทรี เปิดเผยว่า ขอบคุณ กระทรวงยุติธรรม และ สื่อมวลชน ที่ช่วยเหลือและนำเสนอข้อมูล รวมทั้ง ทนายสงกานต์ ซึ่งคอยเป็นที่พึ่ง เนื่องจากตนมีลูกสาวคนเดียว โดยวันนี้ชีวิตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ โชคดีลูกสาวยังมีชีวิตรอด อีกทั้ง ตนไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย เนื่องจากกลัวข่มขู่ เพราะที่ผ่านมา เคยมีอดีตแฟนทหาร ได้โทรศัพท์มาข่มขู่ลูกสาวตนให้ไปแก้คำให้การ อ้างว่า มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และจะฟ้องกลับ 5 - 6 ล้าน จึงทำให้ลูกสาวหวั่นกลัว นอกจากนี้ ฝากถึงผู้ใหญ่ใจดีจากโรงพยาบาล ขอความกรุณาช่วยเหลือลูกสาวตนด้วย เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสู่สภาพปกติ
ส่วนทาง นายธวัชชัย กล่าวว่า ตามที่ได้รับการประสานจากครอบครัวผู้เสียหาย เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องเงินชดเชยคดีอาญา ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาให้โดยเร็ว ทั้ง ค่ารักษาพยาบาล ชดเชยรายได้ ฯลฯ และ การคุ้มครองพยาบาล ให้ยื่นผ่าน กรมคุ้มครองสิทธิฯ กระทรวงยุติธรรม โดยมี 2 ระดับ คือ ระดับรักษาความปลอดภัยทั่วไป และ ระดับต้องพาไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ ต้องอยู่ในความยินยอม เพราะถูกลิดรอนสิทธิบางอย่าง แต่ขณะนี้ยังไม่พบเรื่องการข่มขู่พยานอย่างชัดเจน ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ขณะที่ นางนงภรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้จะประเมินการช่วยเหลือเงินค่าตอบแทนแล้วจะประสานเพื่อขอความช่วยเหลือด้านต่างๆ ให้ต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมประสาน กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ช่วยพิจารณาในลำดับต่อไป