MGR Online - อธิบดีอัยการ สนง.ต่างประเทศชี้ คดี “โกตี๋” แดงปทุมฯ ไม่เข้าข่ายคดีการเมือง เป็นผู้ต้องหาอาชญากรรม เตรียมส่งเรื่อง สปป.ลาวตามกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (21 มี.ค.) นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันติดตามเอาตัว “โกตี๋” มารับโทษว่า เรื่องนี้เป็นไปตามอำนาจของ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนปี 51 โดยเริ่มต้นจากหน่วยงานสอบสวน ตั้งเรื่องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาเพื่อการสอบสวนส่งมายังสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา และส่งหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนังสือที่ระบุถึงเหตุผลในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ต้องบรรยายว่า รูปคดีไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง การทหาร แต่เป็นคดีอาชญากรรมทั่วไป เมื่อกระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือไปยังประเทศลาวแล้ว ทางลาวซึ่งเป็นประเทศปลายทางก็จะนำคดีเข้าสู่การพิจารณาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งเป็นกฎหมายภายในของเขาที่ศาลในประเทศลาวจะพิจารณาว่าคดีเข้าเงื่อนไขการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและนำเสนอรายละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายลาว ทั้งที่การที่จะส่งตัวหรือไม่ส่งตัวมายังประเทศไทยก็เป็นอำนาจของเขา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหาซึ่งเคยเป็นแกนนำคนเสื้อแดง อ้างว่าเป็นคดีเกี่ยวข้องทางการเมืองเพื่อจะได้เข้าเงื่อนไขไม่ต้องส่งตัวข้ามแดนมารับโทษมายังประเทศไทย จะทำอย่างไร อธิบดีอัยการฯ กล่าวว่า คดีที่จะเข้าข่ายเป็นคดีการเมืองนั้น ผู้ต้องหาต้องมีลักษณะเป็นผู้นำทางการเมือง แล้วมีการหลบหนีหรืออ้างว่าถูกกลั่นแกล้งกันเป็นเรื่องการเมือง แต่ข้อหารูปคดีนี้เป็นเรื่องอาชญากรรมไม่เข้าเงื่อนไขที่จะไม่ส่งตัว
นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีรัฐบาลได้ให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือทางยุติธรรมทางอาญาปี 2535 ขอให้อัยการสูงสุดขอข้อมูลจากต่างประเทศ เพื่อนำมาดำเนินคดีสินบนโรลส์-รอยซ์ นายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือทางยุติธรรมทางอาญาปี 2535 ระบุให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตามกฎหมาย เรื่องนี้ทางหน่วยงานสอบสวน ป.ป.ช.จะต้องมีหนังสือมายังสำนักงานอัยการสูงสุดก้อน แต่จนบัดนี้ยังไม่เห็นหนังสือ แต่ระหว่างนี้ทางอัยการสูงสุดได้เร่งรัดให้ทางสำนักงานต่างประเทศเร่งดำเนินการไปก่อน และตนได้ตั้งคณะทำงานดำเนินการเรื่องนี้แล้วชุดหนึ่ง
สำหรับการร้องขอข้อมูลในแหล่งที่มาในต่างประเทศก็ต้องเข้าเงื่อนไขว่า มีความผิดอาญาเกิดขึ้นมีโทษตามกฎหมาย และหน่วยงานสอบสวนได้สอบสวนแล้ว เพื่อให้ประเทศปลายทางรวบรวมข้อมูลส่งมาซึ่งเราเคยทำมานานแล้ว เป็นเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ ขณะนี้มีสหรัฐอเมริกาและอังกฤษที่เกี่ยวข้องในการขอข้อมูล สองประเทศนี้เรามีกฎหมายและมีความร่วมมือในเรื่องนี้มานาน มีสนธิสัญญาที่บังคับใช้กันได้ ส่วนที่ถามว่าคดีนี้เกิดขึ้นนานแล้ว หลักฐานจะคงหลงเหลืออยู่หรือไม่ ตนเห็นว่าก็อยู่ที่ประเทศปลายทางว่าเจ้าหน้าที่เขาจะแสวงหาได้มากน้อยเพียงใด