MGR Online - “ยิ่งลักษณ์” ขึ้นศาลคดีจำนำข้าว แจงปมหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ศาลฎกีาได้สั่งยึดทรัพย์ไปแล้ว หลังโดนรัฐไล่บี้ วอนรัฐใช้กฎหมายเท่าเทียม อย่าใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง รับมึน สตง.เตรียมสอบบัญชี
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 ในคดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุ 49 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องพิจารณาถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมการเรียกจัดเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จากนายทักษิณ พี่ชายอดีตนายกรัฐมนตรี ว่าศาลฎีกาได้พิพากษายึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท การที่จะเรียกเก็บภาษีทั้งที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้วหวังว่าจะไม่ใช่การใช้อำนาจหรือกฎหมายที่ตนเองมีอยู่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้เห็นใจกัน และยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายใด วิธีใด หรือรายละเอียดใด
“หวังว่ากฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรม ควรที่จะบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อที่จะไล่ล่า” อดีตนายกฯ กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่ครอบครัวหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็คงอยากจะฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลอย่างชัดเจน เราคงไม่อยากได้ยินเพียงแค่คำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและด้วยความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า กรณีนี้จะกระทบต่อการสร้างความปรองดองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า กรณีของตนเกิดขึ้นแล้ว ดังที่ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเรื่องจำนำข้าวไปแล้ว และคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาค ก็ไม่เห็นว่าอนาคตจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร เราเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผู้ถือกติกาต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย ต้องไปถามผู้ที่ถือกติกาว่าความหมายของคำว่าปรองดองคืออะไร ส่วนข้อเสนอการสร้างความปรองดองของพรรคเพื่อไทยนั้น อยากให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อจะได้ไม่ถูกมองว่ารัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีนักการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองอยู่แล้ว ยังไม่ทราบว่าทาง สตง.จะดำเนินการอย่างไร ขอทราบรายละเอียดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 วันนี้ ทนายความเตรียมพยานไต่สวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายพิชัย ชุนหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าว และอดีตประธานกรรมการบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), พล.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รอง ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการดำเนินคดี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว
โดย นายพิชัย เบิกความยืนยันเกี่ยวกับหลักการปิดบัญชีมีความสอดคล้องกับฤดูการผลิต ส่วนการกำหนดราคาจำนำข้าวที่สูงกว่าราคาตลาดจะมีความเสียหายหรือไม่นั้นต้องเปรียบเทียบกับประโยชน์ด้านอื่นควบคู่ เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการสาธารณะ
ต่อมา พ.ต.อ.ธนกฤต รอง ผกก. สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เบิกความสรุปว่า ทราบว่าเมื่อปี 2555 ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานการตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าวได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับให้หน่วยงานในสังกัดตรวจสอบป้องกันการทุจริต หนังสือสั่งการที่ตนได้เห็นนั้นไม่ได้ระบุขั้นตอนการตรวจสอบ รวมถึงไม่ได้ระบุให้ตรวจสอบบริษัท สยามอินดิก้า แต่ไม่ทราบว่าสั่งการหน่วยงานอื่นตรวจสอบหรือไม่ ภายหลังรับหนังสือสั่งการแล้วฝ่ายปฏิบัติได้ติดตู้แดงไว้ที่คลังสินค้าที่เข้าร่วมโครงการจำนำข้าว ซึ่งจะมีสายตรวจเวียนกันไปตรวจสอบรอบนอกคลังสินค้า 24 ชั่วโมง รวมถึงสอบถามความผิดปกติจากชุมชนละแวกนั้นก่อนลงชื่อผู้ตรวจสอบในตู้แดง อย่างน้อยจะมีการตรวจสอบวันละ 6-7 รอบ จนสามารถจับกุมผู้ที่กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าวได้ทั้งหมด 3 คดี คดีแรกเป็นการเคลื่อนย้ายข้าว 7,000 กระสอบไปไว้โกดังอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคดีที่ 2 เป็นการนำข้าว 18,000 กระสอบ ออกจากโกดังซึ่งเป็นความผิดเพิ่มเติมจากคดีแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดของกลางไว้ทั้งหมด โดยการสอบสวนไม่ทราบว่ามีการใช้คนและยานพาหนะในการขนย้ายเท่าใดแต่ยอมรับว่าไม่สามารถเคลื่อนย้ายหมดได้ภายในวันเดียว ส่วนคดีที่ 3 เป็นคดีลักทรัพย์ข้าวสาร 90,000 กระสอบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม- 27 มิถุนายน 2557 คนร้ายนำนั่งร้านมาวางไว้ตรงกลางแล้วนำกระสอบข้าวสารล้อมไว้ด้านข้างกับด้านบนเพื่อปกปิด ซึ่งพบหลักฐานนั่งร้านนั้นถูกซื้อมาจาก หจก.ว่องพรชัย ทั้งหมด 800 ชุดและมีหลักฐานภาพวีดีโอกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ยอมรับว่าช่วงเกิดเหตุมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กำลังตำรวจบางส่วนจึงต้องไปช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของทหาร ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ส่วนนี้ลดหย่อน จนคนร้ายอาศัยช่วงเวลานี้กระทำผิด ขณะเกิดเหตุจึงไม่ได้รับรายงานจากสายตรวจรวมถึงไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงพาณิชย์ที่มีการติดกล้องวงจรปิดเชื่อมโยงในศูนย์ แต่ได้รับแจ้งและเข้าตรวจค้นโดยตำรวจ ทหาร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยคดีนี้เราไม่สามารถยึดคืนของกลางได้
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม พยานจำเลยปากสุดท้ายวันนี้เบิกความว่า หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงนโยบาย วันต่อมาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือท้วงติงโครงการรับจำนำข้าวมาถึงรัฐบาล จึงตั้งข้อสังเกตไปว่าเขียนข้อท้วงติงในเวลาไหน ขณะที่กำลังจะเริ่มโครงการนั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีหนังสือแนะนำอีกให้รัฐบาลยุติโครงการรับจำนำข้าว แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ นำเรื่องไปปรึกษาข้อกฎหมายกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนผลงานวิจัย ทีดีอาร์ไอ ที่ป.ป.ช.นำมาอ้างก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจกำหนดนโยบายของรัฐบาลได้ เพราะนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาจะมีผลผูกพันต่อรัฐสภา รัฐบาลจึงไม่สามารถยกเลิกโครงการได้ ซึ่งความเห็นดังกล่าวเป็นการตอบคำถามของรัฐบาลในที่ประชุมแต่ไม่มีการบันทึกไว้ ส่วนที่มีการตั้งกระทู้ถามเรื่องการระบายข้าวหลายครั้งในการอภิปรายในสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.ทุกครั้งแต่จำไม่ได้ว่ามีครั้งไหนบ้าง และในการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้สั่งการให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขณะนั้นซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการระบายข้าว ดำเนินการตรวจสอบประเด็นที่มีการอภิปรายหากพบว่ามีความผิดก็ให้จับกุม อย่าไปหวาดกลัวกลุ่มอิทธิพล และรายงานต่อที่ประชุม ครม.ทุกครั้ง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ส่วนที่ ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตนไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้ แต่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์, คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีภารกิจโดยตรงรับผิดชอบตรวจสอบ หลังสั่งการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยให้รายงานผลการตรวจสอบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบการทุจริตระบายข้าวแล้วขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนตรวจสอบทุจริตระบายข้าวควบคู่กันไปดังนั้นตนจะไปแย่งหน้าที่นี้ได้อย่างไร โดยตนไม่รู้จักบริษัท สยามอินดิก้า และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ส่วนการตรวจสอบ นายบุญทรงได้รายงานในที่ประชุม ครม.ทางวาจาว่าไม่พบการทุจริต แต่หลังจากนั้นไม่นาน คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. มีความเห็นว่าคดีมีมูล กระทั่งวันที่ 30 มิ.ย. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งปลดนายบุญทรงออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีข้อบกพร่อง ถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคงไม่มีการปลด
ทั้งนี้ได้อัยการซักถามเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บอกว่าเล็กใหญ่จับหมด และคนที่เอี่ยวทุจริตจำนำข้าวจีทูจีเป็นเด็กเจ๊ ด. และถามว่าตลอดระยะเวลาที่เป็นรัฐบาล 2 ปี 8 เดือน จำเลยได้สั่งการดำเนินคดีกับบริษัทสยามอินดิก้าและเสี่ยเปี๋ยงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม เบิกความตอบว่า ต้องถามว่าเจ๊ ด.ไหน ตนไม่รู้จัก ยืนยันว่าไม่มี ที่ให้สัมภาษณ์ไปหรือไม่นั้นจำไม่ได้ และคำว่าเจ๊ ด. คือใคร พวกพรรคประชาธิปัตย์พูดบ่อย อิงคำพูดประชาธิปัตย์มาก ส่วนที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายและมีการเปิดภาพเสี่ยเปี๋ยงเดินตามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งนั้น ตอนนั้นนายทักษิณมีอำนาจ ใครๆ ก็อยากเดินด้วย ซึ่งตนไม่ได้ไป แต่ถ้าตนไปด้วยแล้วมีรูปถ่ายจะผิดด้วยหรือ ส่วนเรื่องการดำเนินคดี ตอนนั้นรัฐบาลไม่มีที่นั่ง ถูกผู้ชุมนุมเป็นแสนเป่านกหวีดขับไล่ นายกฯ ถูกบุกบ้าน การเลือกตั้งก็เป็นโมฆะ แม้แต่ตนก็ต้องหนี โดยปีนออกทางด้านหลังกระทรวงแรงงานเมื่อถูกผู้ชุมนุมล้อม
ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม ได้ขออนุญาตศาลแถลงเพิ่มเติมว่า หลังจากมีการปฏิวัติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับอนุญาตจาก คสช. ให้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมบุตรชายเป็นเวลานาน ถ้าหากคนมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต ไม่มีจิตสำนึก จะกลับมาหรือ
หลังพยานจำเลยเบิกความเสร็จสิ้นทั้ง 3 ปาก ศาลได้นัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งต่อไปในวันที่ 24 พ.ค. 2560 เวลา 09.30 น.