MGR Online - ชาวบ้านพบศพหนุ่มวัย 29 ปี นักบัญชีโรงแรมดังในคลองวัดตะพาน พ่อระบุลูกชายบอกจะไปดื่มเหล้าบ้านเพื่อน ไล่ตรวจกล้องวงจรปิดพบขึ้นแท็กซี่ก่อนหายตัวกว่า 6 วัน
วันนี้ (16 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.อ.สันติราช ดีบุปผา รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำภายในคลองสามเสน หลังวัดทัศนารุณสุนทริการาม (วัดตะพาน) ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในคลองหลังวัดดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพนายภัทร คล้ายจันทร์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ซอยพุทธบูชา 39 แยก 1-1 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. พนักงานฝ่ายบัญชีโรงแรมเซนทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่ในคลอง สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำไม่รูดซิป สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ตรวจสอบสภาพร่างกายพบว่าเริ่มเน่าเปื่อย แต่ไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด เบื้องต้นแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 วัน ภายในตัวพบกระเป๋าสตางค์สีดำอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างขวา ภายในไม่มีเงินสด มีเพียงบัตรประชาชน บัตรเอทีเอ็ม นาฬิกาข้อมือ สร้อยสเตนเลสพร้อมพระเลี่ยมทอง เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แผนกนิติเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
จากการสอบสวนนายณัฐกิตต์ สอาดเอี่ยม อายุ 57 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ให้การว่า ตนพักอาศัยอยู่บริเวณหลังวัดตะพาน วันนี้ตื่นแต่เช้าเอาข้าวมาโปรยให้ปลาริมคลองวัดดังกล่าว ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ กทม.เปิดประตูระบายน้ำในคลอง จากนั้นก็เห็นวัตถุลอยไปติดบริเวณใต้สะพานพรหมโยธีใกล้วัด ตอนแรกคิดว่าเป็นหุ่นเลยเอาไม้ไปเขี่ยดูปรากฏว่าเป็นศพจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ด้านนายประทีป คล้ายจันทร์ อายุ 62 ปี พ่อผู้ตายกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มี.ค. ลูกชายออกไปดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนที่บ้านพักใน ร.1 รอ.สนามเป้า แต่ไม่กลับมาที่บ้านเลยและไม่สามารถติดต่อได้ จึงสอบถามจากเพื่อน ทราบว่าขี่จักรยานยนต์ออกมาส่งลูกชายเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ที่หน้าเซเว่นฯ ปากซอยพหลโยธิน 2/1 แล้วขึ้นรถแท็กซี่สีเขียว-เหลืองไม่ทราบทะเบียนไป แต่หลังจากนั้นไม่ทราบว่าไปไหน จึงมาแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุรัตน์ เพชรินทร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง เมื่อเวลา 23.15 น.วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งมาทราบว่าลูกชายเสียชีวิตและพบศพลอยอยู่ในคลอง จึงเดินทางมารอรับศพที่นิติเวช รพ.รามาธิบดี ทั้งนี้หากผลการตรวจชันสูตรไม่พบบาดแผลการถูกทำร้ายก็ไม่น่าจะถูกชิงทรัพย์ เนื่องจากทรัพย์สินลูกชายยังก็อยู่ครบ แต่สงสัยว่าหลังจากขึ้นรถแท็กซี่แล้วลูกชายหายไปไหน ทำไมถึงเสียชีวิตอยู่ในคลองได้ โดยหลังจากนี้จะนำศพลูกชายไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโพธิ์ทอง ซอยสุขสวัสดิ์ 26
ด้านนายอภิลักษณ์ เวชนะ อายุ 29 ปี เพื่อนผู้ตายกล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 22.00 น.วันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนกับผู้ตายพร้อมกลุ่มเพื่อนรวม 4-5 คนมานั่งดื่มสุรากันที่บ้านพักของตนใน ร.1 รอ.สนามเป้า จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.วันที่ 10 มี.ค. ตนขี่จักรยานยนต์ออกมาส่งผู้ตายที่บริเวณหน้าเซเว่นฯ ปากซอยพหลโยธิน 2/1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. แล้วรอจนมีรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ไม่ทราบทะเบียน มารับผู้ตายขึ้นรถไป ตนจึงขับออกจากจุดดังกล่าวเพื่อกลับบ้านตามปกติ จนกระทั่งช่วงค่ำวันที่ 10 มี.ค. แฟนสาวผู้ตายโทร.มาบอกว่าผู้ตายหายไปไม่กลับบ้าน โทรศัพท์ไปไม่มีคนรับ จนกระทั่งมีคนเก็บโทรศัพท์มือถือของผู้ตายได้รับสาย พร้อมบอกว่าเก็บได้บริเวณใต้ทางด่วน จึงนัดกันว่าจะไปรับช่วงเที่ยงวันที่ 11 มี.ค. แต่หลังจากนั้นก็ปิดเครื่องหายไปเลย
นายอภิลักษณ์กล่าวอีกว่า หลังแจ้งความพวกตนกับเพื่อนก็ช่วยกันออกตามหาผู้ตาย ไปขอดูกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ จนกระทั่งมาพบภาพวงจรปิดช่วงเวลาดังกล่าวจับภาพขณะที่ผู้ตายขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว จากนั้นก็ไปขอดูบริเวณทางขึ้นทางด่วนด่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ก็พบรถแท็กซี่สีเขียว-เหลืองที่คาดว่าน่าจะเป็นคันที่รับผู้ตายไป จอดอยู่ตรงด่านเก็บเงินสักพัก ก่อนจะถอยรถกลับออกมาจากด่านแล้วหลุดออกเฟรมภาพไป หากเป็นคันที่เพื่อนตนขึ้นไปจริงก็ไม่ทราบว่าเกิดการโต้เถียงอะไรกันหรือไม่ จากนั้นก็ยังไม่สามารถหาภาพจากกล้องวงจรปิดตรงไหนได้อีกเลย พวกตนอยากได้กล้องจะได้ทราบว่าผู้ตายหายไปไหน ทำไมถึงไปเสียชีวิตในคลองดังกล่าวได้
นายอภิลักษณ์กล่าวอีกว่า ผู้ตายเคยทำโทรศัพท์หายหลายครั้งแล้ว เวลาออกมาดื่มสังสรรค์กับเพื่อนก็จะเปลี่ยนเอาโทรศัพท์ซัมซุงฮีโร่ ราคาถูกออกมาใช้ติดต่อเพื่อนหรือคนในครอบครัว ถ้าหายจะได้ไม่เสียดาย นอกจากนี้ เวลาออกมาดื่มเหล้าก็จะไม่พกเงินเยอะเนื่องจากช่วงขากลับ ผู้ตายเคยถูกแท็กซี่จี้ทรัพย์มา 2-3 ครั้งแล้ว บางครั้งก็เอาโทรศัพท์มือถือไป