xs
xsm
sm
md
lg

สตม.โต้โซเชียล! มั่วโจรกรรมกระเป๋าผู้โดยสารสุวรรณภูมิเป็นเท็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
MGR Online - สตม.- ผอ.สุวรรณภูมิ บูรณาการป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สินผู้โดยสาร พร้อมตรวจพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน โต้สื่อโซเชียลกระเป๋าผู้โดยสารถูกเปิดไม่เป็นความจริง แนะให้ผู้โดยสารหลีกเลี่ยงการนำทรัพย์สินมีค่าโหลดใต้ท้องเครื่อง



วันนี้ (12 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธัช คำดี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบก.ตม.2 นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT) นายหลุยส์ มอเซอร์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (AOC) ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบด้วย การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากรสายการบิน และ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการแก้ปัญหาทั้งระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏข่าวคราวทางโซเซียลมีเดีย ว่า ผู้โดยสารส่วนมากในสนามบินสุวรรณภูมิตกเครื่อง มีผู้โดยสารหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน การขโมยทรัพย์สินในกระเป๋าสัมภาระ และกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารถูกเปิดโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ความมั่นคง มีความห่วงใย

ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจกระทบถึงความเชื่อมั่นของผู้โดยสารชาวไทยและต่างชาติ รองนายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งการให้ตนร่วมแก้ไขปัญหา ทาง สตม. จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือ เพื่อบูรณาการในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ปัญหาต่างๆ ถูกคลี่คลาย เป็นที่น่าพึงพอใจ ผู้โดยสารได้รับความสะดวกและบริการที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับชั้น ให้บริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารหนาแน่น เน้นการระบายผู้โดยสารให้เร็วที่สุด และได้หารือถึงความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล

ในส่วนกรณีที่ปรากฏข่าวใช้สังคมออนไลน์ ว่า มีกระเป๋าผู้โดยสารถูกเปิด แต่ไม่พบว่ามีสิ่งของสูญหาย อาจเกิดจากมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศต้นทาง และปลายทางบางประเทศ เนื่องจากในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป อิสราเอล นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่มีข้อสงสัยสามารถเปิดกระเป๋าของผู้โดยสารได้ และหากกระเป๋าผู้โดยสารไม่ได้เป็นระบบล๊อคแบบ TSA (Transporation Security Administration) ซึ่งเป็นระบบล็อกที่เจ้าหน้าที่สามารถใช้ Master Key เปิดได้ เพื่อความรวดเร็วตรวจสอบกระเป๋า ที่กำลังจะนำขึ้นเครื่องและเหตุผลด้านความปลอดภัยทางการบิน เจ้าหน้าที่สามารถตัดทำลายระบบล็อกกระเป๋าของผู้โดยสารได้ ซึ่งเป็นข้อบังคับที่ใช้บังคับในหลายประเทศ ดังนั้น ในเรื่องดังกล่าวจึงจำเป็นต้องประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความกระจ่าง

ทั้งนี้ ฝากถึงผู้โดยสาร ให้หลีกเลี่ยงการนำทรัพย์สินมีค่าโหลดใต้ท้องเครื่อง ของมีค่าควรนำติดตัวถือขึ้นเครื่องเพื่อป้องกันการสูญหาย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีทรัพย์สินมีค่าในกระเป๋าเดินทาง รวมถึงแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงก์ ซึ่งห้ามบรรจุลงในกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออกจะมีบริการรับพันกระเป๋าสัมภาระด้วยพลาสติกใส โดยพนักงานจะพันพลาสติกด้วยเครื่องมืออย่างแน่นหนา การพันพลาสติกถือว่าเป็นการป้องกันถ่วงเวลา ไม่ให้ผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสในการรื้อค้นระหว่างลำเลียง โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกไว้ แล้วเมื่อชำระเงินค่าบริการเจ้าหน้าที่จะมีใบเสร็จรับเงินให้ ขอแนะนำให้ผู้โดยสารเก็บใบเสร็จนี้ไว้ หากผู้โดยสารเดินทางไปถึงปลายทางพบความผิดปกติของกระเป๋าเดินทาง สามารถนำใบเสร็จรับเงินที่ระบุถึงวัน เวลา และภาพที่บันทึกไว้แล้ว เป็นหลักฐานเรียกร้องค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งความได้อีกด้วย

ภายหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ได้พาสื่อมวลชน ไปตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในด่านการตรวจหนังสือเดินทาง ระบบการเอกซเรย์ ตรวจสัมภาระตามจุดต่างๆ รวมทั้งระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจดูระบบเอกซเรย์บริเวณชั้น 5 ว่า มีการตรวจ และการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งบริเวณสายพานกระเป๋า 6

ซึ่งภายหลังการตรวจสอบ นายศิโรตม์ กล่าวถึงกรณีเปิดกระเป๋าของนักท่องเที่ยว ว่า จากการตรวจสอบกล้อง CCTV ตั้งแต่เช็กอินกระเป๋า จนกระทั่งลงมาบริเวณจุดรับกระเป๋า พบว่า เช็กอินกระเป๋าบริเวณจุดโลเอ็ม กระเป๋าทั้ง 3 ใบ ที่ได้รับแจ้งให้ตรวจสอบนั้น ไปออกที่เมกอัพ 18 ซึ่งโลเอ็ม และเมกอัพ 18 อยู่คนละฟากกัน โดยใชเวลาเคลื่อนกระเป๋าไปยังเมกอัพ 18 ประมาณ 11 - 17 นาที ซึ่งเป็นเวลาปกติของการเคลื่อนกระเป๋า

จึงยืนยันได้ว่า ในช่วงเวลาเช็กอินที่เคาน์เตอร์ จนกระเป๋าไปปอยู่ที่สายพานนั้น ไม่มีการแทรกแซง หรือรื้อค้นกระเป๋าแน่นอน ส่วนมาตรการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการรักษาทรัพย์สินของผู้โดยสาร ก็ได้จัดเจ้าหน้าที่ตระเวนชุดผสม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สนามบิน และหน่วยงานอื่นๆ ทำหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยแบบไม่บอกล่วงหน้า โดยจะตรวจบริเวณจุดรับกระเป๋าไปขึ้นเครื่อง และมีการกำหนดชุดแต่งกายของพนักงานขนกระเป๋าจะไม่มีกระเป๋าส่วนตัว ส่วนสิ่งของที่จะเข้ามาในพื้นที่ จะมีการจำกัดสิ่งของ โดยสิ่งของต่างๆ จะถูกห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกใส และเรื่องการเข้าออกของบุคคล หรือยานพาหนะ บริเวณจุดผู้โดยสารขาออก ปกติแล้วจะไม่ให้เข้าในพื้นที่ หากจะเข้าจะต้องลงทะเบียน หรือเป็นเจ้าหน้าที่มีบัตรเท่านั้น ซึ่งถุงขยะในบริเวณดังกล่าวจะเป็นถุงขยะใส เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น