MGR Online - กองปราบคุมตัวพระสนิทวงศ์ ฝากขังศาลอาญาผัดแรก หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ ค้านประกัน โดยผู้ต้องหาเตรียมเงินสด 6 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
วันนี้ (9 มี.ค.) วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อ เวลา 09.00 น.พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 150 นาย ร่วมกันรอรับตัว พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส อายุ 45 ปี ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 634/2560 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2560 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือประการอื่นใดอันมิใช่ความมุ่งหมายแก่รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พาตัวเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนตามนัดหมาย โดยไม่ได้มีกลุ่มศิษยานุศิษย์หรือมวลชนเดินทางด้วยแต่อย่างใด
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้พา พระสนิทวงศ์ เข้าไปยังห้องประชุมชิวปรีชา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำตามขั้นตอนการสอบสวนดำเนินคดีทันที โดยมีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เข้าร่วมรับฟังการสอบสวน
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา พ.ท.สุรพันธ์ โชคปมิตต์กุล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับมอบอำนาจจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.วิชิต ผังดี รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ “PHRA SANITWONG CHAROENRATTAWONG (SANITWONG)” ในข้อหายุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) โดยนำสำเนาเอกสารการโพสต์ข้อความ และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบไว้เป็นหลักฐาน หลังจากพบว่าเฟซบุ๊กในชื่อดังกล่าวมีการโพสต์ข้อความเข้าข่ายหมิ่นประมาททางดีเอสไอ และเข้าข่ายความผิดตามที่มีการแจ้งความดังกล่าว ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับพระสนิทวงศ์ ก่อนจะมีการประสานเข้ามอบตัวในครั้งนี้
จากนั้นเวลา 12.00 น.หลังใช้เวลาสอบปากคำพระสนิทวงศ์ กว่า 2 ชั่วโมง ทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำพระสนิทวงศ์ ให้การรับสารภาพในข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยประเด็นที่ซักถามพระสนิทวงศ์ นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่และตำแหน่ง ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เช่นว่ามีบัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยหรือไม่ ซึ่งพระสนิทวงศ์ ระบุว่าไม่มีบัญญัติในพุทธศาสนา แต่เป็นการแต่งตั้งขึ้นมาเอง และประเด็นความชัดเจนเกี่ยวกับการครอบครองที่ดินของวัด ที่ได้รับคำยืนยันจากพระสนิทวงศ์ ว่ามีเพียง 197 ไร่ ส่วนอีกกว่า 2,000 ไร่ อยู่ในความครอบครองของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ในส่วนของพระครูวิจิตร อาภากร เจ้าคณะตำบลคลอง 4 จังหวัดปทุมธานี ที่เดินทางมาที่ บก.ป.เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ด้วยนั้น
ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างซักถามและปรึกษาข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับทางสงฆ์ โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.นครปฐม ที่ร่วมเดินทางมาให้ถ้อยคำในฐานะพยานเพื่อใช้สำหรับประกอบสำนวนคดีให้มีความรัดกุม
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ได้ เนื่องจากการสอบปากคำพระสนิทวงศ์ ยังไม่เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากสอบปากคำเสร็จแล้ว ก็จะคุมตัวพระสนิทวงศ์ ไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อผลัดฟ้องฝากขังต่อไป โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าหากได้รับการประกันตัวแล้วผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งยังเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางตำรวจ สภ.คลองห้า จะขออายัดตัวพระสนิทวงศ์ เพื่อสอบปากคำและรับทราบข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ซึ่งจะแยกเป็นอีกสำนวนหนึ่ง ก่อนนำตัวส่งศาลจังหวัดธัญบุรี นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชยพล เดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อชี้แจงเอกสารและให้ข้อมูลการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกาย เพื่อนำมาประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนของทางพระพุทธศาสนาต่อไป
ต่อมาเวลา 13.00 น. ตำรวจกองปราบปรามได้คุมตัวพระสนิทวงศ์ ขึ้นรถตู้กองบังคับการปราบปรามเพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ทั้งนี้ในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกัน
พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. เปิดเผยว่า ภายหลังแจ้งข้อหาตามหมายจับคือ หมิ่นประมาท, ยุยงปลุกปั่น และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์แก่พระสนิทวงศ์นั้น ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามพระสนิทวงศ์จะถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาล โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านประกันตัว ซึ่งหากศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกัน ขั้นตอนต่อไปพระสนิทวงศ์จะถูกให้สละสมณเพศทันทีก่อนนำไปควบคุมตัวที่เรือนจำ แต่หากศาลอนุญาตให้ประกัน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี จะอายัดตัวพระสนิทวงศ์เพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าเป็นคดีใด ทราบเพียงว่าเป็นอีกคดีหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้คดีความของพระสนิทวงศ์ในส่วนของกองปราบ ถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าการอายัดตัวไปยัง สภ.คลองห้า นั้น เป็นการนำตัวไปรับทราบข้อกล่าว กรณีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.จากกรณีไม่ไปรายงานตัวตามหมายเรียกของดีเอสไอ.
ต่อมาเมื่อเวลา 13.10 น. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำตัว พระสนิทวงศ์ มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 - 20 มี.ค.นี้ โดยได้เดินทางมาพร้อมกับ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายกลุ่ม นปช. และคนใกล้ชิด ซึ่งได้เตรียมยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 6 แสนบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว นอกจากนี้ ยังได้แนบคำร้องประกอบด้วยว่า ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่หลบหนี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้พิพากษาศาลอาญา อย่างไรก็ตาม หากศาลให้ประกันตัว พระสนิทวงศ์ ก็จะต้องไปรายงานตัวที่ สภ.คลองห้า ในความผิดฐานขัดคำสั่ง คสช. ต่อไป
ทั้งนี้มีรายงานว่าศาลให้ประกัน พระสนิทวงศ์ ตีราคาประกัน 4 แสนบาท ภายหลังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 6 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราวพระสนิทวงศ์
ศาลพิจารณาคำร้อง และหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล้อยชั่วคราวพระสนิทวงศ์ ผู้ต้องหาโดยตีราคาประกัน 4 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามผู้ต้องหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ห้ามยุยงปลุกปั่นประชาชน อันจะก่อให้เกิดความไม่สงบและล่วงละเมิดกฎหมายของ แผ่นดินและห้ามมิให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล