xs
xsm
sm
md
lg

ระอุ! จิ้งเหลืองตั้งแถวสวดมนต์ขวาง จนท.ตรวจบัตร ปชช.สาวกธรรมกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - จนท.-ศิษยานุศิษย์กระทบกระทั่งกันเล็กน้อย บริเวณจุดคัดกรองทางเข้าออกตลาดคลองหลวง โดยกลุ่มพระสงฆ์ได้นั่งสวดมนต์ขวางไม่ยอมให้ตรวจบัตร ปชช. สาวกธรรมกายตั้งคำถามใช้ กม.แกล้งฆ่าพระ เมืองพุทธหรือเปล่า /strong>

วันนี้ (8 มี.ค.) บรรยากาศช่วงบ่ายที่ตลาดกลางคลองหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณทางเข้าออกตลาดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจประจำจุดคอยคัดกรองพร้อมตรวจบัตรประชาชนและสัมภาระของคณะศิษยานุศิษย์ที่จะเดินทางเข้ามาภายใน แต่ทางคณะศิษยานุศิษย์ไม่ยินยอมให้ตรวจสอบจึงเกิดการกระทบกระทั่งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกลุ่มพระสงฆ์และลูกศิษย์ภายในตลาดจะพยายามกดดันเจ้าหน้าที่ โดยได้ออกมานั่งสวดมนต์นอกเต็นท์ ซึ่งมีพระภิกษุและสามเณรคอยตั้งแถวนั่งอยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าออกตลาดทั้งสองฝั่ง และมีกลุ่มลูกศิษย์คอยนั่งอยู่ด้านหลัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กกั้นมาป้องกันเอาไว้เพื่อลดการเผชิญหน้า

นอกจากนี้ กลุ่มลูกศิษย์ที่ไม่สามารถเข้ามายังภายในตลาดได้ก็รวมตัวนั่งสวดมนต์อยู่ริมฟุตปาธ ขณะเดียวกัน คณะศิษย์ที่นั่งอยู่ริมถนนอาศัยจังหวะที่เจ้าหน้าตำรวจแบ่งกำลัง พากันวิ่งกรูทลายรั้วเหล็กที่เจ้าหน้าที่นำมาวางไว้เข้ามาบริเวณภายในตลาดจึงต้องนำกำลังเข้าห้ามสกัดไว้ แต่ก็มีบางคนเล็ดลอดเข้ามาได้ ต่อมากลุ่มพระสงฆ์และสามเณรที่ยืนอยู่ได้นั่งลงสวดมนต์ท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงไปยังกลุ่มศิษยานุศิษย์ที่เข้าไม่ได้ว่า ศิษย์ที่มีจิตศรัทธาปฏิบัติธรรมภายในพื้นที่ตลาด ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ห้ามเข้า เพียงแต่ภายหลังให้นำบัตรประชาชนมาแสดงตัวด้วย เนื่องจากป้องกันบุคคลแฝงตัวเข้ามาสร้างสถานการณ์ และป้องกันคนต่างด้าว

ต่อมาเวลา 14.45 น. บริเวณเต็นท์อำนวยการข้างตลาดกลางคลองหลวง พ.อ.ธวัชชัย วรรณดิลก เสนาธิการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ นิมนต์แกนนำพระสงฆ์ 2 รูปมาเจรจาร่วมกับเจ้าหน้าที่ พศ. ทหาร ดีเอสไอ และพระวินยาธิการ หลังการเจรจาเสร็จสิ้นเจ้าหน้าที่ได้ยินยอมนำแผงเหล็กกันถอยร่นมาและเปิดทางเข้าออกให้คณะศิษยานุศิษย์เข้าไปภายในตลาดได้ตามปกติ พร้อมทั้งไม่ต้องตรวจบัตรประชาชนแต่ขอตรวจสอบเพียงสัมภาระเท่านั้น ส่วนทางพระสงฆ์และลูกศิษย์วัดต่างก็ลุกขึ้นยอมเข้าไปภายในเต็นท์เพื่อลดการเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย

ขณะที่บริเวณประตู 7 วัดพระธรรมกาย พระชาญณรงค์ อุตฺตโม พร้อมด้วยพระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร พระณรงค์ชัย ฐานชโย พระมหาธเนศร์ ฐานรโต และพระมหาสมเกียรติ ปุญฺญเตโช ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยพระชาญณรงค์เปิดเผยว่า เป็นวันที่ 21 ของการที่วัดพระธรรมกายถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และรัฐใช้งบประมาณไปแล้วไม่ต่ำกว่า 60-100 ล้านบาท ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธจริงหรือ ทำไมใช้กฎหมายแกล้งฆ่าพระ การบวชคือการเกิดใหม่ในธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อายุพรรษาจะเริ่มนับตั้งแต่วันบวช ผู้มีอายุ 80 ปีแล้วเพิ่งบวช ก็ต้องเคารพกราบไหว้พระหนุ่มอายุ 20 ปี ที่บวชก่อนแม้เพียงวันเดียว กฎหมายของไทยในปัจจุบันมีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อพระภิกษุ กล่าวคือ พระภิกษุเมื่อตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าต้องควบคุมตัวไว้ หรือศาลไม่ให้ประกันตัวก็ต้องสึก ขาดจากความเป็นพระทันทีทั้งที่คดียังไม่ได้พิพากษา คิดเอาง่ายๆ ว่าถ้าไม่ผิดก็บวชใหม่ได้

พระชาญณรงค์เปิดเผยต่อว่า เปรียบเทียบกับคดีของคนทั่วไป หากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวแล้วมีกฎหมายระบุว่าให้ประหารชีวิตก่อนเลย โดยให้เหตุผลว่าถ้าคดีพิพากษาแล้วไม่ผิดก็ไปเกิดใหม่ได้ ทุกคนย่อมเห็นตรงกันว่าเป็นกฎหมายที่อยุติธรรมอย่างยิ่ง เคยมีพระภิกษุที่ถูกจับสึกเพราะพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัวหลายราย อาทิ เจ้าคุณอุดม วัดเทพศิรินทร์ ในคดีเครื่องราชฯ เป็นข่าวครึกโครม แต่สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาว่าท่านไม่มีความผิด ใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และท่านก็ต้องตายไปด้วยความช้ำใจต่อความอยุติธรรมที่ตนได้รับ ยิ่งกฎหมายเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา คือเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาไปก่อน แล้วให้จำเลยไปแก้คดีที่ศาล ยิ่งอันตรายมาก เพราะพระภิกษุและสามารถถูกแกล้งจับสึกได้ตลอดเวลา

“ดังตัวอย่างวัดพระธรรมกายถูกแจ้งความดำเนินคดีถึง 300 กว่าคดีในเวลาเพียง 1 เดือน และมีคดีจำนวนมากที่มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว ตั้งธงว่าจะขอศาลฝากขัง ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่บางคดีถูกตั้งข้อหาโดยยังไม่มีความผิดชัดเจน และคดีลักษณะเดียวกันนี้ หากเป็นผู้ต้องหารายอื่นก็จะได้รับการประกันตัวไป พระก็ต้องเสี่ยงกับการถูกจับสึก ตั้งแต่ศาลยังไม่พิพากษาหลายร้อยครั้ง พลาดแม้เพียงครั้งเดียวก็ต้องตายไปจากความเป็นพระทันที” พระชาญณรงค์กล่าว

พระชาญณรงค์เผยอีกว่า อิสลามยังเรียกร้องให้ออกกฎหมายชารีอะห์สำหรับชาวอิสลาม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องยกเลิกกฎหมายมักง่าย เป็นเครื่องทำลายพระพุทธศาสนา ฆ่าพระภิกษุจากพระธรรมวินัย ดังนี้ 1. ห้ามสึกพระโดยที่คดียังไม่ได้พิพากษาจนถึงที่สุด 2. ระบบพิจารณาคดีที่ใช้กับพระภิกษุควรเป็นระบบไต่สวน ซึ่งให้อำนาจศาลในการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดี นอกเหนือไปจากที่คู่ความเสนอต่อศาลได้ เพื่อให้พระภิกษุได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี 3. คดีของพระภิกษุ ให้ตั้งศาลสงฆ์ มีคณะพิจารณาไต่สวนเฉพาะ มีผู้แทนคณะสงฆ์เข้าร่วมพิจารณาด้วย โดยยึดหลักพระวินัยร่วมกับกฎหมายทางโลก ถ้าหลักฐานไม่พอก็จบกันไป ถ้าหลักฐานพอก็ดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม 4. การพิจารณาไต่สวนให้ทำในวัดที่เหมาะสม ไม่เสียสมณสารูป และ 5. คดีใหญ่ที่เป็นที่สนใจ ให้เชิญองค์กรพุทธทั่วโลกร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพราะพระภิกษุทั้งโลกก็ใช้พระวินัยของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน หยุดฆ่าพระภิกษุจากสมณเพศ หยุดระบบกล่าวหาต่อพระภิกษุ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่าจะจบเรื่องวัดพระธรรมกายไม่เกิน 5 วัน พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร หัวหน้ากองภาพลักษณ์ออนไลน์ วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า เรายังคงถือการปฏิบัติธรรมอย่างสงบ สันติ อหิงสา ไม่ว่าจะกี่วันก็ตาม วัดพระธรรมกายยืนยันปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดอย่างสงบ รวมถึงสาธุชนที่รักและปกป้องวัดที่ตัวเองได้รักษาไว้

พระมหาทศพรกล่าวต่อว่า วัดเชื่อมั่นและยอมรับในระบบยุติธรรมของประเทศไทย ขอให้ท่านผู้มีอำนาจได้ให้ความยุติธรรมแก่วัดพระธรรมกายด้วย หลวงพ่อธัมมชโยเพียงแค่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเท่านั้น ยังไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาในอดีตมีพระถูกลาสิกขาก่อนแล้วค่อยพิจารณาคดีก็ไม่มีความผิดอะไร เท่ากับเป็นการประหารชีวิตพระทั้งๆ ที่ไม่มีความผิด ขอให้ท่านผู้มีอำนาจได้ยกเลิกมาตรา 44 เพื่อเห็นแก่ชาวพุทธและชาวบ้านที่อยู่แถวนี้

เมื่อถามว่าทางดีเอสไอได้ติดต่อเรื่องการตรวจค้นอาคารบุญรักษาเข้ามาหรือไม่ พระมหาทศพรระบุว่า ไม่ทราบรายละเอียด ทั้งนี้ พระมหาทศพรยังปฏิเสธว่าไม่เจอตัวพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย และวัดไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ชุมนุมที่ตลาดกลางคลองหลวง เป็นเรื่องของผู้ที่ศรัทธา และเมื่อสื่อถามย้ำว่าการออกแถลงการณ์นี้จะทำให้สังคมมองว่าพระจะอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ พระมหาทศพรปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุว่าขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนการแถลงข่าวได้มีศิษยานุศิษย์ชูป้ายข้อความด้านหลังคณะสงฆ์ผู้แถลงข่าวระบุว่า “ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธจริงหรือ ทำไมใช้กฎหมายแกล้งฆ่าพระ”



















































กำลังโหลดความคิดเห็น