MGR Online - ดีเอสไอออกหมายเรียกแกนนำศิษยานุศิษย์-พระรวม 91 ราย ด้าน “ป้าเช็ง” ยันให้ปากคำ 9 มี.ค.นี้ พบผู้อยู่เบื้องหลังโอนเงินหนุนม็อบพระนับ 10 ล้าน โยงคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 18.10 น. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ )ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกแกนนำศิษยานุศิษย์และพระ รวมกัน 91 รายแล้ว ส่วนนางศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ หรือ ป้าเช็งนั้น เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกมาสอบ ทราบว่าอยู่ระหว่างประสานเพื่อมาพบเจ้าหน้าที่ ล่าสุดเจ้าตัวยืนยันว่าจะมาพบวันที่ 9 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีการควบคุมพระ 2 รูป พร้อมสามเณร 9 รูป ที่โกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง และเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าพระรูปหนึ่งที่อ้างว่ามาจาก จ.อุบลราชธานี มีเงินในบัญชีเกือบ 13 ล้านบาท อีกรูปหนึ่งมีเงินในบัญชีอยู่หลักแสนบาท เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเงินที่ได้จากการทำบุญ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อพบว่ามีการโอนถอนเงินออกหลายครั้งจำนวนหลายหมื่นบาทภายในวันเดียวกัน ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงกลุ่มพระในหลายๆ จังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานี เบื้องต้นพระ 2 รูปอ้างว่าเป็นเงินจากการทำบุญ ส่วนจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนเชิงลึก รวมทั้งจะตรวจสอบต้นทางของเงินจำนวนนี้ด้วย
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงพระที่อ้างว่า มาร่วมทำกิจกรรมทำบุญที่วัดพระธรรมกาย และตลาดกลางคลองหลวง แต่ขณะนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ออกประกาศห้ามพระสงฆ์ทั่วประเทศเข้ามาชุมนุม เพราะอาจเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อพระสงฆ์ หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย อีกทั้งยังพบข้อมูล 40-50 ราย มีบุคคลที่เฝ้าจับตาเข้ามาในพื้นที่ตามประกาศ คสช.กำลังจับตาอยู่ หากพบจะควบคุมตัวมาปรับทัศนคติ หากพูดกันรู้เรื่องก็ปล่อยตัวไป หากฝ่าฝืนก็ดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนเงินให้กลุ่มบุคคลมาเคลื่อนไหวนั้นพบว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เป็นกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเชิงลึกและทำการจับตาอยู่
โฆษกดีเอสไอกล่าวถึงการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่ถูกมองว่าล่าช้าว่า เจ้าหน้าที่มีแผนปฏิบัติการที่แน่ชัดอยู่แล้ว แต่ตนขอชี้แจงว่าการปฏิบัติต่อพระสงฆ์จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีความประนีประนอม ต้องใช้หลักการทางศาสนามาประกอบด้วย จุดนี้ทำให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีความยากลำบากมากที่สุด อีกประเด็นคือกลุ่มบุคคลที่เป็นแกนนำในการต่อต้านการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อาศัยเหตุผลทางศาสนามาเป็นหลักในการต่อสู้ ทำให้คนบางส่วนในประเทศซึ่งมีจำนวนไม่มากไม่เข้าใจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ว่าจริงๆ แล้วกรณีนี้เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ใช่เรื่องของศาสนา หากเป็นการบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคลทั่วไปที่มีหมายจับก็คงไม่ต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่กรณีนี้ผู้ที่มีหมายจับเป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษ อย่างที่ทุกคนเห็นอยู่และเป็นปัญหาในการปฏิบัติ
“อยากขอความเห็นใจจากทุกฝ่ายว่ากรณีนี้เจ้าหน้าที่ก็ลำบากใจอย่างมากในการปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้ ล่าสุดมีหนังสือแจ้งเตือนจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ให้ยึดหลักกฎหมายด้วยความละมุนละม่อมและละเอียดอ่อนซึ่งยืนยันว่าเราปฏิบัติตามหลักการนี้มาโดยตลอด อยู่ในพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ขณะเดียวกัน หนังสือของคณะกรรมการสิทธิฯ ยังได้แจ้งเตือนการดำเนินการของพระสงฆ์ให้ยึดกรอบประเพณี ขออย่าดำเนินการในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นพระสงฆ์ด้วย” พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการขุดบังเกอร์ตรงประตู 1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า ตนเองทราบเพียงกระแสข่าวที่ยังไม่ยืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีการตรวจสอบต่อไป แต่หากทำเช่นนั้นจริงก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เป็นพฤติกรรมที่แสดงว่าพยายามฝ่าฝืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างชัดเจน หากเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปดำเนินการ