MGR Online - โจ๋ต่างถิ่นต่างสถาบันเขม่นกัน ยกพวกตะลุมบอนจนแยกวง ก่อนพาพวกกลับมาซ้ำแค้น ดวลปืนสนั่นงานวิวาห์ย่านสายไหม เด็กหญิงวัย 13 ปี โดนลูกหลงเข้าใต้ตาขวา เจ็บสาหัสอีก 3 ราย
วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.15 น. ร.ต.อ.เมธาศิษฐ์ พัฒนะกิตติพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.สายไหม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 35/146 ถนนเลียบคลองสอง แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวนสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พ.ต.ท.นิรุชพล โยธามาตย์ สวป.สน.สายไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมถนนหน้าบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสระหว่างคู่บ่าวสาว มายด์&เจษ จัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน มีผู้ร่วมงานกว่า 30 คน อยู่ในอาการแตกตื่น พื้นถนนช่องทางซ้ายพบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า รุ่นมาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน ญม 2804 กรุงเทพมหานคร บริเวณกระจกประตูด้านหลังขวามีรอยกระสุนปืน 1 นัด ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ ทะเบียน 5 กฉ 6332 กรุงเทพมหานคร บริเวณท้ายกระบะฝั่งซ้ายพบรอยกระสุนเฉี่ยวถากรถ จำนวน 1 นัด ไปแฉลบถูกต้นไม้ข้างทาง ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุพบลูกกระสุนปืนจำนวน 3 นัด เป็นปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด ขนาด 9 มม.จำนวน 1 นัด และขนาด 11 มม.1 นัด นอกจากนี้ยังพบคราบเลือดจำนวนมากและปืนขนาด 9 มม.แบบออโตเมติก ภายในบ้านพักเลขที่ 35/87 ห่างจากบ้านจัดงาน 20 เมตร ทั้งนี้พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อ 1. นายพุฒิพงษ์ พลอยน้อย อายุ 23 ปี ผู้ขับพาคนร้ายมายิง ถูกยิง 6 นัดเข้าบริเวณแขนทั้งสองข้าง 2. นายอนุรุต โพธิ์ศรี อายุ 19 ปี ถูกยิงบริเวณหน้าท้องและขา และ ด.ญ.ณัฎฐณิต มิดดี้ อายุ 13 ปี ถูกลูกหลงโดนยิงบริเวณใต้ตาด้านขวา ทั้งสองคนเป็นผู้มาร่วมงาน ทั้งหมดถูกพลเมืองดีเร่งนำส่ง รพ.ภูมิพล
จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. ก่อนจะเริ่มแห่ขบวนขันหมาก มีเหตุวัยรุ่นเกิดเขม่นกันเรื่องสถาบันการศึกษา เนื่องจากผู้มาร่วมงานบางกลุ่มแต่งกายด้วยเสื้อชอปสถาบันการศึกษาย่านปทุมธานี และขี่รถปาดหน้าทำร้ายร่างกายวัยรุ่นในพื้นที่ จนทางตำรวจก็ได้มาตรวจสอบเหตุและสอบถามคนในงาน จากนั้นสถานการณ์ได้สงบลง
จนช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวกำลังทำพิธีผูกข้อมือภายในบ้านหลังเกิดเหตุอยู่ กลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายได้ขี่จักรยานยนต์มาประมาณ 3-4 คันเพื่อมาดูลาดเลาจนพบว่าไม่มีตำรวจแล้วและเห็นคู่อรินั่งในงานแต่งงาน จากนั้นนายพุฒิพงษ์ได้พาเพื่อนซึ่งยังไม่ทราบชื่อขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยทั้งสองคนต่างสวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อสีดำ กางเกงยีนส์ ขี่รถมาจอดข้างรถกระบะก่อนที่คนซ้อนจะลงจากรถแล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้ามาใส่ผู้มาร่วมงานซึ่งนั่งกินโต๊ะจีนอยู่ 2 โต๊ะ ก่อนที่มือยิงจะรีบไปวิ่งขึ้นรถซึ่งนายพุฒิพงษ์ได้ขี่ไปรับ ระหว่างนั้นมีการยิงสวนต่อสู้ออกมาทำให้นายพุฒิพงษ์และคนร้ายทิ้งรถหลบเข้าไปในบ้าน โดยนายพุฒิพงษ์ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและถูกรุมกระทืบ ก่อนจะมีพลเมืองดีพาส่งโรงพยาบาลไป ทั้งนี้ทางบ่าวสาวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุทะเลาะวิวาทครั้งนี้แม้แต่น้อยเลย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเกิดจากการทะเลาะกันระหว่างกลุ่มวัยรุ่นพื้นที่กับกลุ่มวัยรุ่นที่มาร่วมงานแต่งงานจนเกิดเหตุดังกล่าว ขณะที่นายพุฒิพงษ์นั้นขณะนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน แพทย์กำลังผ่าตัดนำกระสุนออก ทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ จึงยังไม่ทราบชื่อมือยิงซึ่งจะได้สอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้จับกุมตัวนายสามารถ สารีบุตรดี อายุ 29 ปี พักบ้านเลขที่ 35/3 พลโยธิน 54/1 แขวงเขตสายไหม พร้อมอาวุธมือปืนยี่ห้อ STAR EIBAR SPAIN ขนาด.45 เลขทะเบียน กท.4004828 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 1 นัด รถจยย.ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีแดง ทะเบียน 5 กส126 กรุงเทพมหานคร หลังจากนั้น พ.ต.อ.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว ผกก.สน.สายไหม พร้อมด้วยพ.ต.ท.นริศ ปราถนาพร รอง ผกก.สส.สายไหม ได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางประชาชนยืนมุงดู เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังตำรวจสน.สายไหมและเจ้าหน้าที่ทหาร กว่า 20 นายเพื่อป้องกันการเข้ารุมประชาทัณฑ์ ใช้เวลาทำแผนประมาณ 20 นาที โดยจุดแรกบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 35 / 146 บ้านงานซึ่งเป็นจุดที่นายสามารถเหนี่ยวไก จุดที่ 2 ภายในบ้านเลขที่ 35/87 ซึ่งเป็นจุดที่นายสามารถและนายพุฒิพงศ์ เข้าไปหลบ จุดที่ 3 บริเวณบ้านเลขที่ 35/54 ซึ่งเป็นจุดที่นายสามารถถูกเจ้าหน้าที่จับตัวได้ ภายหลังทำแผนเสร็จสินทางเจ้าหน้าที่รีบคุมตัวนายสามารถไปที่สน.สายไหมทันที
จากการสอบปากคำ ทางนายสามารถให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุมีรุ่นน้องขับรถมาหาต้นที่บ้าน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร พร้อมด้วยอาวุธปืนขนาด .45 โดยระบุว่ามีเรื่องกับวัยรุ่นในขบวนขันหมาก ตนจึงขออาวุธปืนดังกล่าวมาพกไว้ ก่อนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีนายพุฒิพงศ์ เป็นคนขับ ไปดูลาดเลาที่งานเลี้ยง เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ ตนชักปืนออกมาเพื่อข่มขู่แต่ถูกคนที่อยู่บ้านงาน เปิดฉากยิงใส่ทำให้กระสุนถูกนายพุฒิพงศ์ เข้าที่แขนก่อนรถจะล้มลง ตนจึงยิงปืนใส่กลุ่มวันรุ่นไป 1 นัด โดยไม่มีเป้าหมายก่อนวิ่งหลบหนี แต่ไม่รอดถูกตำรวจควบคุมตัวได้หลังเกิดเหตุ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่านายอนิรุจน์ โพธิ์ศรี อายุ 19 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตลงที่รพ.ภูมิพล ส่วนด.ญ.ณัฎฐณิต ยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ในห้องฉุกเฉิน รพ.ภูมิพล
