Manager Online - พระสื่อสารวัดพระธรรมกาย ฟ้องมวลชนว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอละเมิดเด็กวัด ร้องอย่ารังแกพระห่มจีวรกำลังอดอยาก ด่า “หมอมโน” อดีตก้นกุฏิ เนรคุณ
วันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 10.00 น. บริเวณถนนเลียบคลองแอนด์ ประตู 5 วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาในอาคาร 60 ปี โดยพลการ ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมุ่งตรงไปยังอาคารดังกล่าวพร้อมทำทีท่ากำลังดึงสายสัญญาณกล้องซีซีทีวีออก และจับกุมพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางวัดไป คำถามคือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอต้องการทำอะไร ส่วนกรณีบุคคลไม่ระบุว่าเป็นใครมาพร้อมใบกระท่อม บริเวณประตู 7 และด้วยสถานการณ์ที่มีการปิดล้อมวัดแล้วใครจะถือใบกระท่อมเข้ามาให้เจ้าหน้าที่ตรวจ
“สำหรับกรณีเรื่องอาหารได้รับข้อมูลว่าข้าวกล่องมื้อเที่ยงที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ประตู 7 เวลา 10.00 น. จำนวน 300 กล่อง บูดเสียทั้งหมด ไม่สามารถนำมาฉันหรือรับประทานได้เลย ที่สำคัญพระและศิษย์ในวัดมีประมาณ 10,000 คน แต่ส่งมา 300 กล่อง ย่อมไม่เพียงพอแต่การบริโภค แม้กระทั่งในสงครามโลก องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ยังห้ามไม่ให้มีการปิดกั้นการลำเลียงอาหารต่อพลเมืองผู้บริสุทธิ์ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรง แต่วัดพระธรรมกายได้ถูกปิดกั้นเสรีภาพเรื่องเสบียงอาหาร สัญญาณสื่อสาร การสัญจรเดินทาง จึงเป็นการกระทำที่ยิ่งกว่าในสงคราม นี่ไม่ใช่กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย แต่เป็นการทำตามกฎกูที่เขียนขึ้นตามอำเภอใจ เพราะไม่มีกฎหมายที่ตราขึ้นโดยชอบธรรมของประเทศใดในโลก ที่อนุญาตให้รัฐปิดล้อมประชาชน ตัดข้าวปลาอาหาร ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเช่นนี้จากสาเหตุเพียงแค่จะจับพระภิกษุชรา”
พระสนิทวงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนการข่าวของรัฐบาลผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยขอตั้งข้อสังเกตว่ากุนซือเจ้าหน้าที่รัฐให้ข้อมูลเท็จต่อทางราชการ และเป็นบุคคลล้มละลายทางด้านความน่าเชื่อถือ เพราะโกหกหลายเรื่อง เช่น ใต้ถุนอาคารเป็นอุโมงค์ลับ, อาคารบุญรักษาซึ่งกำลังก่อสร้างเป็นที่หลบซ่อนตัวของหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าหน้าที่เข้าไปบุกตรวจแต่ก็พบเพียงฝุ่น, อาคารภาวนา 60 ปี เป็นที่หลบซ่อนตัว แต่เจ้าหน้าที่ เข้าไปตรวจค้นถึง 3-4 ครั้งก็พบเป็นอาคารที่ให้ญาติโยมมาปฏิบัติธรรม, อาคารดาวดึงส์เป็นที่หลบซ่อนตัว แต่ก็ไม่พบตัว เจอเพียงเครื่องเพิ่มออกซิเจนกับเตียงเปล่า, อาคาร 100 ปี ซึ่งยังไม่มีการเปิดใช้งานเป็นที่พำนักของหลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งไม่เป็นความจริง
พระสนิทวงศ์กล่าวต่อว่า สำหรับกรณี นพ.มโน เลาหวณิช อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ตอนเป็นพระก็อยู่วัดไหนไม่ได้ เนื่องจากไม่ฝึกตัว เอาแต่ใจตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เข้ากับหมู่สงฆ์ไม่ได้ มีความเนรคุณครูบาอาจารย์ ใส่ร้ายป้ายสีหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งๆ ที่หลวงพ่อธัมมชโยเป็นผู้มีพระคุณส่งเสียให้เล่าเรียนในต่างประเทศก่อนลาสิกขา ปัจจุบันไม่มีงานการเป็นหลักแหล่งชัดเจน เป็นแค่อาจารย์พิเศษไปตามที่ต่างๆ เพราะไปทำความวุ่นวายให้แก่หน่วยงานต่างๆ จนไม่มีใครรับเป็นเจ้าหน้าที่ประจำ แต่น่าแปลกใจว่าอยู่ได้โดยไม่ทำงาน ไม่ทราบว่าเอาเงินมาจากไหน ผลงานวิชาการออกมาก็ได้รับการตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย ถ้ารัฐบาลยังเชื่อบุคคลที่ไม่มีคุณธรรม มีความอกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ มีความเนรคุณคน รัฐบาลก็ไม่มีความชอบธรรม ไม่มีธรรมภิบาลในการบริหารจัดการเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
พระสนิทวงศ์กล่าวเพิ่มว่า วัดพระธรรมกายขอยืนยันในการยึดหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตลอด 47 ปี คือ การทำทาน รักษาศีล และการเจริญสมาธิภาวนามาโดยตลอด และหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา พระภิกษุสามเณรที่ออกบวชอุทิศตนอยู่ในวัด หรือ 200 ศูนย์ต่างๆ ทั่วโลก ล้วนมีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียนคำสอนดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนมีสถิติพระสงฆ์สามเณร และฆราวาสสอบเปรียญธรรม และสอบบาลีศึกษาได้มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่จากสถานการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์