xs
xsm
sm
md
lg

ยธ.รื้อคดีแพะบางนา นัดนำตัวผู้ต้องหาตัวจริงเข้าเครื่องจับเท็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ยุติธรรมรื้อคดีก่อเหตุชิงทรัพย์บริเวณโรงพยาบาล หลังถูกจำคุก 7 ปี นัดสอบปากคำผู้ต้องหาตัวจริงในเรือนจำกลางสมุทรปราการอีกครั้งด้วยเครื่องจับเท็จ

วันนี้ (27 ก.พ.) เวลา 13.30 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยุวฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ รอง ผบก.น.5 ในฐานะคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของ บช.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือเพื่อขอให้มีการรื้อฟื้นคดี นายกนกพรหม ขานฤทธี อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคดีก่อเหตุชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส บริเวณโรงพยาบาล บางนา 1 เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2551 ต่อมาศาลพิพากษาจำคุกนายกนกพรหมเป็นเวลา 23 ปี ขณะนี้ถูกจำคุกแล้วเป็นเวลา 7 ปี โดยใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

พ.ต.อ.ดุษฎีเปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมได้ส่งหลักฐานทั้งหมดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แล้ว โดยทาง ตร.ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน พร้อมมอบหมายให้ บก.น.5 เป็นชุดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงอยากทราบว่ากระทรวงยุติธรรมดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนและข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรามุ่งเน้นช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดให้ออกจากเรือนจำ และไม่ได้มุ่งหวังเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่บกพร่องในหน้าที่แต่อย่างใด มีกำหนดระยะภายในเวลา 30 วัน เพื่อยื่นเรื่องรื้อฟื้นคดีต่อศาล

พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวอีกว่า จักรยานยนต์คันก่อเหตุทราบว่ามีการโอนถึง 3 ครั้ง และพบหลักฐานผู้ครอบครองคนสุดท้าย คือ นายสวัสดิ์ จันทะรัตน์ ก็ได้เสียภาษีถูกต้อง ส่วนกลุ่มชายนิรนามที่ไปข่มขู่นายสวัสดิ์นั้นได้มีการพูดคุยกันแล้ว อาจจะเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อ 2 หน่วยงานและคงไม่ใช่ตำรวจ โดยในวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอบปากคำนายนิกร หรือสิงห์ ไหมวงศ์ ผู้ต้องหาตัวจริงในเรือนจำกลางสมุทรปราการอีกครั้งด้วยการเข้าเครื่องจับเท็จเนื่องจากอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอีกหลายคดีในพื้นที่ บก.น.5 และ จ.สมุทรปราการ

“ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับผู้เสียหายที่มีการชี้ตัวนายกนกพรหมจากภาพถ่ายแต่ไม่มีการเปรียบเทียบภาพถ่ายทั้งสองบุคคลระหว่างตัวจริงและไม่ใช่ตัวจริง แต่ได้ชี้แจงแล้วว่าหากมีการจับผิดตัวเป็นการทำร้ายสังคมสองต่อ คือ เอาผู้บริสุทธิ์ไว้ในเรือนจำแล้วปล่อยให้คนร้ายตัวจริงทำร้ายสังคมต่อไป” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น