MGR Online - รองโฆษกดีเอสไอเผยเปลี่ยนตัว “ผอ.พศ.” ทำให้ประสานงานสะดวกขึ้น ระบุปม “อนวัช” ผูกคอเป็นการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ชัดเจนฝ่ายงานข่าวยืนยันอดีตผู้การตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมชุมนุมกลุ่มศิษย์ธรรมกายในตลาดกลางคลองหลวง
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 65 ปี ที่กระทำอัตวินิบาตกรรมเพื่อต่อต้านกฎหมายมาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย ว่าตนในฐานะตัวแทนและรองโฆษกของดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย มีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องการสูญเสียทั้งสองฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติงาน และฝ่ายของวัดพระธรรมกาย รวมถึงบุคคลที่มาร่วมชุมนุมซึ่งไม่มีความประสงค์จะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงถือว่าเป็นการสูญเสียในภาพรวมของทุกคน
พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า ทางผู้บังคับบัญชาได้มีข้อสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติทุกคนให้ระมัดระวังและดูแลบุคคลด้วย ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นเรื่องของการสูญเสียของทุกคน ดังนั้นจึงฝากเรียนไปทางคณะสงฆ์และบุคคลที่มาร่วมชุมนุมด้วยว่าขอให้ท่านช่วยสอดส่องดูแลด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เราจึงต้องร่วมมือกันอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ เมื่อคืนของวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ และโฆษกดีเอสไอ ได้ไปร่วมในพิธีสวดพระอภิธรรมในงานศพของนายอนวัชด้วย พร้อมทั้งนำเงิน 50,000 บาทพร้อมพวงหรีดไปช่วยในเรื่องของการจัดงานศพด้วย
รองโฆษกดีเอสไอกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบใบสุทธิของพระสงฆ์และสามเณร ที่บริเวณประตู 7 และตลาดกลางคลองหลวงนั้น เราได้รบความช่วยเหลือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ซึ่งได้จัดเตรียมพระวินยาธิการ ไปร่วมอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ส่วนประเด็นการขึ้นป้ายบริเวณหอสูงใกล้หอฉันของวัดพระธรรมกาย โดยมีข้อความระบุว่า “we need food” ซึ่งเกี่ยวกับว่าเราต้องการอาหารนั้น เนื่องจากเป็นการสื่อสารออกไปเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะถูกมองออกไปว่าเราดำเนินการโดยไม่ยึดหลักสิทธิมนุษยธรรม ดังนั้นจึงอยากให้สื่อมวลชนเดินทางไปพร้อมที่ตนที่บริเวณประตู 7 ของวัดพระธรรมกาย เพื่อสอบถามพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงนั้นว่ามีการจัดการเรื่องอาหารอย่างไร
รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวอีกว่ากรณีเจ้าหน้าที่จับกุมตัว พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทร์ อายุ 73 ปี พร้อมเสื้อเกราะ มีด 3 เล่ม และกระดาษโปสเตอร์เขียนคำว่านายอนวัช ธนเจริญณัฐ วีรบุรุษชาวพุทธ เสียสละชีวิตให้เลิก ม.44 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 60 ที่ผ่านมานั้น เนื่องจาก พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ได้ขับรถผ่านมาและเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น พบเสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว มีด 3 เล่ม รวมถึงกระเป๋าเอกสารเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายด้วย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ที่ สภ.คลองหลวงแล้ว
พ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า วันเดียวกันเมื่อช่วงบ่ายฝ่ายข่าวได้มีการบันทึกภาพของ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ได้มาที่บริเวณที่มีการชุมนุมและมีการโชว์ป้าย ก่อนจะมาพบอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการจับกุม อีกทั้ง พฤติการณ์ของ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ก็ค่อนข้างชัดเจนที่มีการชูป้ายอยู่ในพื้นที่ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการเปลี่ยนตัว ผอ.พศ.จะส่งผลให้แนวทางการทำงานเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้รับความร่วมมือจาก พศ.อยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งทางเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอไปเป็น ผอ.พศ.ก็คิดว่าการประสานงานติดต่อก็มีความสะดวกขึ้นเพราะเรามีความรู้จักคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ส่วนกรณีการตรวจสอบใบสุทธิพระสงฆ์ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้มากนัก และมีการห่วงมือที่สามจะเข้ามาก่อเหตุความวุ่นวายนั้น ทางเราได้ขอให้ พศ.เร่งรัดตรวจสอบใบสุทธิของพระสงฆ์ภายในวัดโดยเร็ว และคิดว่ามาตรการเชิงรุกเกี่ยวกับสงฆ์จะมีความชัดเจนขึ้น
ถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณประตู 4 ด้านหลังของวัดพระธรรมกาย หลังมีรายงานว่ามีกลุ่มพระสงฆ์ไปรวมตัวอยู่ที่นั่น พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นมีรายงานเข้ามาว่ามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบใบสุทธิพระ แต่ในรายละเอียดยังไม่มีการรายงานผลเข้ามา จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นพระจริงหรือพระปลอม
ถามถึงทางวัดพระธรรมกายให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยอ้างถึงตัวเลขงบประมาณ 50 ล้าน ที่ผ่านมา 10 วันในการปฏิบัติงานของดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ตนไม่ทราบ และทีมโฆษกไม่มีข้อมูลในส่วนนี้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.ต.พงศ์ศักดิ์ ลิ้มเฉลิมศักดิ์ ผบก.ตชด.ภ.1 ปล่อยแถว ตชด.จำนวน 2 กองร้อย จาก จ.จันทบุรี กับ จ.สระแก้ว ที่มาสับเปลี่ยนกำลังตามวงรอบ พร้อมกำชับข้อสั่งการให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยที่บริเวณ ประตู 5 และประตู 6 ของวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ การคัดกรองบุคคลเข้าออกวัดพระธรรมกาย ซึ่งตามประกาศของ คสช.ที่ 5/2560 ให้บริเวณวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยให้ตำรวจพิจารณาความเหมาะสม กรณีมีครอบครัวนำยารักษาโรคมาส่งต่อให้กับญาติที่ยังสมัครใจอยู่ภายในวัด โดยตำรวจจะประสานผ่านเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ช่วยนำส่งต่อไปให้ภายในวัด