xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมกายดึง 4 องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศหนุน เตือนรัฐบุกวัดกระทบท่องเที่ยว (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 
MGR Online - กลุ่มศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย บริเวณตลาดกลางคลองหลวง ตั้งแถวนำอาหารมาประตู 5 - 6 ประชิดแนวตำรวจ ขออนุญาตดีเอสไอส่งเสบียง พร้อมเรียกร้องยกเลิก ม.44 ด้าน พระสนิทวงศ์ ระบุ 4 องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ เฝ้าติดตามสถานการณ์ พร้อมประกาศยืนเคียงก่อนแถลงการณ์ชี้แจง 6 ข้อ



วันนี้ (23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดพระธรรมกาย โดยพระภิกษุ ศิษยานุศิษย์ ที่ปักหลักบริเวณตลาดกลางคลองหลวง เนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าภายในพื้นที่วัดได้ จึงรวมตัวกันนำอาหาร เช่น น้ำดื่ม ผักสด ข้าวสาร มาบริเวณทางเข้าประตูที่ 5 - 6 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดกลางคลองหลวง

ซึ่งการเจรจาในครั้งแรก พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไม่อนุญาตให้มีการนำอาหารเข้าไปในพื้นที่ได้ ต่อมาจึงได้มีการประสานงานไปยัง พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งหลังการเจรจาเสร็จสิ้น ทางดีเอสไอ อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปในวัดได้ แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะเป็นผู้ลำเลียงอาหารเข้าไปภายในวัดเอง โดยไม่อนุญาตให้พระและศิษยานุศิษย์เข้าไปภายในวัด หลังจากนั้น ทั้งพระและศิษย์จึงได้เดินทางกลับไปปักหลักยังตลาดกลางคลองหลวงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายอัยย์ เพชรทอง ตัวศิษ์วัดพระธรรมกาย ได้มีการแถลงข่าวเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย และดำเนินการตามกฎหมายด้วยความยุติธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชน และเปิดทางให้ประชาชนที่ปักหลักอยู่ตลาดกลางคลองหลวง ให้สามารถเข้าไปภายในพื้นที่วัดพระธรรมกาย ไม่เช่นนั้น ก็ยังคงยืนยันว่าจะยังปักหลักอยู่บริเวณดังกล่าวโดยไม่ไปไหน

ด้าน พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ระบุว่า การใช้กำลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าอาคารบุญรักษา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ควรเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ทหาร มีหน้าที่เพียงรับผิดชอบในพื้นที่รอบนอกเท่านั้น และการปฏิบัติดังกล่าวถือว่าเป็นการสร้างความหวาดระแวงให้พระภิกษุ และลูกศิษย์วัด จึงอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกไปด้านนอก ส่วนการเชิญ พระภิกษุจำนวน 6 รูป และประชาชนอีกจำนวน 20 คน ไปควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมทั้งหมดแล้ว

ขณะที่ในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง เบื้องต้นทราบว่า มี 3 กลุ่มอยู่ในพื้นที่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่อยากเข้าไปภายในวัด กลุ่มญาติของศิษยานุศิษย์ และ กลุ่มชาวพุทธ ที่ต้องการปกป้องพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ยังมี 4 องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างประเทศแสดงความห่วงใยสถานการณ์ในวัดพระธรรมกาย ขอสนับสนุนและยืนหยัดร่วมกับวัดพระธรรมกาย หากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้กำลังรุนแรงของเจ้าหน้าที่ ยืนยันที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเต็มที่ จึงอยากขอให้ทางเจ้าหน้าที่หยุดใช้ความรุนแรง พร้อมได้ออกเอกสารเผยแพร่ข้อชี้แจ้ง 6 ข้อของวัดพระธรรมกาย ลงวันที่ 23 ก.พ. 2560 ดังนี้

1. เหตุการณ์อาคารบุญรักษา นั้น หน้าที่ตรวจค้น เป็นหน้าที่ของ DSI ส่วน ทหาร มีหน้าที่ดูแลพื้นที่รอบนอกเท่านั้น แต่การ “บุก” เข้ามา ไม่ใช่เป็นการตรวจค้น ถือว่า เป็นการสร้างความหวาดระแวง ให้กับพระภิกษุ และประชาชน ด้านใน ถึงแม้ไม่มีการปะทะรุนแรง แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อีก

2. ส่วนกรณีที่นำพระ 6 รูป ประชาชน 20 กว่าคน ซึ่งถูกนำไปควบคุมที่ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ขณะนี้ทราบข่าวว่าได้รับการปล่อยตัวแล้ว ก็ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆ ท่าน

3. ส่วนพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ที่มีกลุ่มประชาชนไปปักหลักอยู่บริเวณนั้น ได้รับรายงานว่า 1. เป็นกลุ่มสาธุชนที่เข้าวัดไม่ได้ 2. เป็นญาติๆ ของพระสงฆ์สามเณร อุบาสกอุบาสิกา และประชาชน ที่อยู่ในวัด มาเยี่ยมเยียนด้วยความเป็นห่วง เพราะเหตุรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ 3. ชาวพุทธทั่วประเทศที่รู้สึกว่า ลูกพระพุทธเจ้าด้วยกัน ถูกรังแก จึงเดินทางมาสมทบ เพราะเป็นห่วงพระพุทธศาสนา ได้รับรายงานว่า มาจากทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และ ต่างประเทศ

4. ขอเรียกร้องให้ท่านผู้นำประเทศ ว่า คนไทยรักสงบ และพระพุทธศาสนา เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติคาดหวัง และอยากมาสัมผัส และในปี 2559 ที่ผ่านมา สถิตินักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเท่าตัว ดังนั้น ภาพข่าวที่มีการบุกล้อมวัด การทำร้ายพระสงฆ์ เป็นภาพที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ชาวต่างชาติที่รักประเทศไทยอยากเห็น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศ

5. ขณะนี้ มีองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ส่งจดหมายตอบกลับแสดงความห่วงใยมาถึงวัดพระธรรมกาย ว่า ขอสนับสนุนและยืนหยัดร่วมกับวัดพระธรรมกาย และกำลังเฝ้าจับตาดูตลอดเวลา กรณีหากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ทหาร ด้วยความห่วงใย อาทิ

(1) Amnesty International THAILAND ร่วมกับ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแถลงการณ์ เรียกร้องให้หยุดใช้มาตรา 44 และใช้กระบวนการยุติธรรมปกติกรณีวัดพระธรรมกาย (http://www.tlhr2014.com/th/?p=3520) และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

(2) องค์กร Asian Federation Against Involuntary Disappearances (AFAD) (สหพันธ์เอเชียผู้ต่อต้านการหายตัวไปโดยไม่สมัครใจ) ขอประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ได้รับจากกองกำลังนับพันนาย จากทหาร และตำรวจ ขอสนับสนุนและยืนหยัดร่วมกับวัดพระธรรมกาย ในความถูกต้อง พิทักษ์อิสรภาพเรื่องการนับถือศาสนา และ ขอส่งกำลังใจให้วัดพระธรรมกาย ขอให้กลับมาสู่ปกติโดยเร็ววัน

(3) องค์กร Global Centre for the Responsibility to Protect Research Analysis (GCR2P) ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทางองค์กรสามารถกระจายข้อมูลออกไปทางสื่อต่างๆ และองค์กร NGOs ในเครือข่าย

(4) องค์กร Philippine Alliance of Human Rights Advocates (PAHRA) ประเทศฟิลิปปินส์ ยินดีที่จะช่วยเหลือวัดพระธรรมกายทุกเมื่อ

6. ในช่วงนี้ คณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ (ป.ย.ป.) กำลังดำเนินการด้วยดี เป็นบรรยากาศที่ดีของประเทศ อยากให้ทุกฝ่ายเข้าสู่โหมดปรองดอง การบังคับกฎหมายใช้ และ ม.44 ครบถ้วนดีแล้ว ที่ผ่านมา ทางวัดและลูกศิษย์ ได้แสดงเคารพกฎหมายและปฏิบัติตามตามมาโดยตลอด เชื่อว่า ทางรัฐบาลมีอำนาจเต็ม แต่ขอร้องให้หยุดใช้ความรุนแรง เพราะพระสงฆ์สามเณรสาธุชน มีคนกดดัน และลำบากในการปฏิบัติศาสนกิจและปฏิบัติธรรม ลำบากในการบิณฑบาต ซึ่งเป็นกิจของสงฆ์ ลำบากในด้านขบฉัน เพราะไม่สามารถลำเลียงอาหารเข้ามาได้ รวมทั้งลำบากในการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ เพราะมีกองกำลังเจ้าหน้าที่หลายพันนายอยู่ล้อมวัด และมีการบุกเข้ามาเป็นระยะ เช่นนี้แล้วจึงทำให้สาธุชน หวาดระแวง วิตกกังวล และไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงขอความกรุณาโปรดอย่าใช้ความรุนแรงกับพระสงฆ์สามเณรและประชาชนเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น