พัทยาเมืองบาป... จริงหรือ !!?? เปิดเส้นทาง “ซ่องโลก” ของสาวไทยนักขุดทอง - เสี่ยงโชคอย่างสุดกึ๋น เริ่มต่ำสุด เตร็ดเตร่หน้าชายหาด จนถึงคาราโอเกะ - บาร์เบียร์ - อะโกโก้ - สาวบินเดี่ยวจับแขกวอล์กกิ้งสตรีท “ขายบริการ” ตั้งแต่หลักร้อยยันหลักหมื่น เผยข้อมูลเจ็บจี๊ด...ระบบ “เมียเช่า” ยังอยู่คู่เมืองไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คงรู้ถึงรสชาติการเป็นผู้นำประเทศแล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่ท่านเคยคุยไว้ ดูดู๋วันก่อนมีนักข่าวถามถึงประเด็นเซ็กซีระดับโลกเกี่ยวกับสื่ออังกฤษยกให้พัทยาเป็น “ซ่องของโลก” ที่เขาพยายามประดิษฐ์คำว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเซ็กซ์ของโลก หรือ “โซดอม และ กอมเมอร์ราห์” นครแห่งบาป มีหญิงบริการทางเพศมากถึง 27,000 คน เฉลี่ย 1 คนต่อจำนวนประชาการ 5 คน ที่มีถิ่นฐานถาวรอยู่ในเมืองพัทยา
พัทยา เมืองตากอากาศชื่อดังแห่งภาคตะวันออก เมืองแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยในอดีต แต่วันนี้กลายเป็น “เมืองบาป” ตามสายตาทั้งฝรั่งและคนไทยกันเอง
ถ้าไม่โลกสวยจนไม่อาจยอมรับความจริงได้ เมื่อมีคำถามว่าเมื่อพูดถึงพัทยาคุณนึกถึงอะไร!!??...คำตอบที่บันทึกอยู่ในโลกโซเชียลออนไลน์ ก็คือ...คอนโดสวยวิวทะเลงามๆ มีเรื่องให้ตื่นตาตื่นใจแบบไม่เบื่อตลอดทั้งปี...เด็กลูกครึ่งหน้าตาน่ารักเยอะดี...ชอบวงเวียนปลาโลมา...แข่งโปโล ไปคลับเรือยอชต์...ดูจุดพลุประจำปี....เคานต์ดาวน์แหลมบาลีฮาย...เทศกาลดนตรีมาบ่อยๆ....ดูแข่งเทนนิส - เจ็ตสกี...เดินเล่นวอล์กกิ้งสตีท มีทั้งคนรูปร่างหน้าตาดีและสัตว์แปลกๆ มาให้ดูเสมอ...ทิฟฟานี่ - อัลคาซ่า กะเทยไทยสวยที่สุดใน 3 โลก และอีก ฯลฯ
แต่ถ้าในมุมร้ายเมื่อพูดถึงพัทยาคุณจะคิดถึง....เกย์ดีกระหรี่ดัง....พัฒน์พงษ์มีชายหาดและทะเล ...เสื่อมโทรม - สกปรก - พลุกพล่าน - วุ่นวาย - สับสน...เมืองของคนบาปไม่มีคนดีเที่ยว ....โชว์ลามก...อาชญากรรม - ยาเสพติด....ฝรั่งต่างชาติกับผู้หญิงขายตัว....!!??
โสเภณีพัทยาในรูปแบบต่างๆ มีความเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันมีมากขนาดไหน และในอนาคตรัฐบาลจะจัดการอย่างไร ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้เป็นขี้ปากสื่อต่างชาติไปเรื่อยๆ หรือต้องงัดมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งมากำราบให้อยู่ในร่องในรอย ไม่ประเจิดประเจ้อหรือ “สุดโต่ง” อย่างที่เห็นที่เป็นกันอยู่
ข้อมูลจากการลงพื้นที่ และพูดคุยกับสาวน้อยจนไปถึงสาวใหญ่ใกล้หมดสภาพ พอจะสรุปได้ว่าหญิงสาวที่พากันมา “ขุดทอง” หรือมาตายเอาดาบหน้าที่เมืองคนบาปแห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มิได้หมายความว่า ไม่มีภาคเหนือ - ใต้ - กลาง หรืออื่นๆ สรุปรวมว่ามาจากทุกสารทิศด้วยเหตุผลหลากหลาย แต่แน่นอนว่า ทุกชีวิตต้องการให้ตัวเองกับคนรอบๆ ข้างอันเป็นที่รัก มีความสุข มีบ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ทัดเทียมกับคนอื่นๆ
เกือบ 100% ผ่านชีวิตครอบครัวมาแล้ว หลายคนล้มเหลว ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม พวกเธอพยายามดิ้นรนกันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทำไร่ไถนา เป็นลูกจ้างโรงงาน หรือกระทั่งมาขายบริการในกรุงเทพฯเมืองหลวง รวมทั้งตามมหานครเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
คนทำสวนทำไร่ไม่พอกินพอใช้ สาวแรงงานวันละไม่ถึง 300 บาท ทั้งที่อัตราค่าแรงขั้นต่ำกำหนดไว้อย่างนั้น ส่วนที่แฝงตัวตามคาราโอเกะ อาบอบนวด ทั้งโบราณและอาบอบ “นาบ” แผนปัจจุบัน วันหนึ่งต้องเจอภาวะ “ขายไม่ออก”....ทางออกก็คือ “พัทยา” เมืองที่เปิดโอกาสให้กับคนทุกเพศทุกวัย ...ขอให้มีคุณสมบัติ “ใจถึง” รูปร่างหน้าตาแค่พอไปวัดไปวาได้ แค่นี้ก็สามารถก้าวเข้าสู่วงจรของเมืองคนบาป...เมืองแห่งการเสี่ยงโชคได้แล้ว
บทที่ 1 ของการขายนาแปลงน้อย คือ เป็นพนักงานอาบ อบ นวด หรือนวดแผนโบราณแฝงตัว....ลักษณะนี้เหมาะกับคนที่ไม่กล้า “บินเดี่ยว” คอยตั้งรับมากกว่ารุก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีทั้ง ฝรั่ง - เอเชีย รวมทั้งคนไทย สนนราคาเริ่มที่ 1,500 บาท จนถึง 2,500 บาท หักให้กับเจ้าของสถานที่ 40 -50% ที่เหลือจึงเป็นส่วนที่ได้รับ...วิธีสู่ความสำเร็จจะต้องทำรอบให้ได้มากๆ หรือเอาใจแขกนักท่องเที่ยวให้กลับมาซ้ำ...บางคนอาจมีพลุ๊กได้รับข้อเสนอเลี้ยงดูเป็นบ้านหลังที่ 2 ซึ่งนับเป็นความฝันของสาวน้อยสาวแก่ทุกคน
บทที่ 2 แฝงตัวอยู่ในคาราโอเกะ ประเภทนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย และเป็นคนที่เข้ามาทำงานในพัทยา มีทั้งลูกจ้าง กะเทย หญิง - ชาย ขายบริการ...จัดอยู่ในโหมตไทยเที่ยวไทย - รักเมืองไทย กินของไทย - ใช้ของไทย เดือนๆ รายได้แค่พอกินพอใช้ พออยู่ได้ไม่หวือหวา เห็นได้มากแถวถนนพัทยาสาย 3
บทที่ 3 “สาวบาร์เบียร์” ไล่มาจากย่านนาเกลือ ทั้งแถบยันวงเวียนโลมา และเลียบชายหาด กับซอยบัวหลวง...สาวๆ ส่วนใหญ่นิยมดื่ม - กิน เป็นทุนอยู่แล้ว จึงเลือกปักหลักทำมาหากินแบบนี้ ส่วนลูกค้าขาประจำ คือ ชาวเยอรมัน กับ อิตาลี อาจเป็นเพราะเป็นขาเมากับชอบ “ของถูก” ไอ้หนุ่ม 2 ชาตินี้ จึงติดอกติดใจบรรยากาศบารืเบียร์มากกว่าชายชาติไหนๆ...สนนราคาแต่ “ช็อต” แบบชั่วคราว เริ่มตั้งแต่ 1,000 - 1,500 แต่มีกติกาจะต้อง “PAY BAR” หรือจ่ายค่าหัวคิวให้กับเจ้าของบาร์เบียร์ครั้งละ 400 บาท...นอกจากบาร์เบียร์แบบดั้งเดิม คือ ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็ขอแวบไป “กินตับ” กันเมื่อนั้นแต่ข่าวว่าบาร์เบียร์แถวนาเกลือใต้ ว่ากันสดๆ เดี๋ยวนั้นเลย กล่าวคือ มีห้องให้ “ช็อต” แบบเดินออกจากบาร์ไปไม่กี่ก้าว อัตราค่าบริการแสนถูกไม่เกิน 1 พันบาท...ข้อมูลระบุด้วยว่า เจ้าของบาร์เบียร์หลายแห่งเป็นอดีตหญิงไทยที่เข้ามาเสี่ยงโชคและได้สามีเป็นชาวต่างชาติ พวกนี้ลงทุนเปิดกิจการให้ หากพบเห็นหญิงไทยสูงอายุ ทาปากแดงๆ อยู่ในบาร์เบียร์ ขอให้เข้าใจว่าเธอคือเจ้าของ หรือที่เด็กๆ เรียกว่า “มาม่าซัง”
บทที่ 4 “สาวอะโกโก้” ตั้งอยู่ตลอดซอย 7 - 8 และ 13 กับริมถนนสายวอล์กกิ้งสตรีท สาวๆ ส่วนใหญ่หุ่นใช้ได้ จนถึงดี เปิดบริการตั้งแต่หัวค่ำยันตี 1 หน้าที่คือ แต่งกายวาบหวิว สุดจะคิดค้นมายั่วราคะ เต้นเด้งหน้าเด้งหลัง เต้นรูดเสา เต้นเรียกแขกหน้าร้าน มีรายได้จากดริงก์ และขายบริการ อัตรา 2 พันบาทอัป แต่ละครั้งต้องจ่ายค่า “PAY BAR” 600 บาท ราคานี้คือชั่วคราว ออกไปปฏิบัติภารกิจไม่เกิน 1 ชม. กลับมาเต้นกันต่อ วันไหนโชคดีมีลูกค้าเหมาอาจเป็นวัน - สัปดาห์ หรือ 1 เดือนตามระบบ “เมียเช่า” สุดแท้แต่จะตกลงกัน ส่วนใหญ่เริ่มจากสัปดาห์ละ 2 หมื่นบาท จนถึง 5 หมื่นบาทขึ้นอยู่กับ “ฝีปาก” และ “ฝีมือ” กลุ่มนักเที่ยวประกอบด้วย ชาวจีน (ชอบเอาแบงก์ 20 มาโปรยให้สาวอะโกโก้แย่งกัน) ญี่ปุ่น และฝรั่งตาน้ำข้าวทั่วไป
บทที่ 5 สาวนักบิน หรือสาวไซด์ไลน์ ประเภทนี้ทำมาหารัปทานอยู่ตามผับ - บาร์ต่างๆ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรตื่นขึ้นมากินข้าวกินปลาก็แต่งสวย เอาให้ “เริ่ด” เข้าตาหนุ่มน้อยหนุ่มแก่ให้มากที่สุด บางคน “บินเดี่ยว” เข้าผับ - บาร์ แต่วัน เลือกที่มีโปรโมชันมาก่อน 3 ทุ่มดื่มฟรี หรือลดราคา 50% แต่บางคนไปเป็นก๊วน...วิธีง่ายๆ คือ “อ่อย” เป้าหมายจนกว่าจะเจอ...แบบนี้อิสระตามความชอบ...ชอบใครก็อ่อยคนนั้น ส่วนราคาค่าบริการขึ้นอยู่กับความพอใจทั้งสองฝ่าย หรืออยู่ที่ความต้องการของลูกค้า ยิ่งคุยถูกใจ รูปร่างหน้าตาสะสวย ก็สามารถโก่งราคาได้ กลุ่มนักเที่ยว คือ รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยียม ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นต้น
บทที่ 6 กลุ่ม “ผีต้นมะพร้าว” หรือนวลนางหน้าหาด...พวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มเตร็ดเตร่ หรือหากินอยู่ริมถนน เหมือนสาวประเภท 2 ประจำพัทยาซอย 6...กลุ่มนักเที่ยวมีทั่วไป แต่เป็นพวกกระเป๋าเบา หรือฝรั่งขี้นก เสี่ยงต่อโรคติดต่อ และอาชญากรรม ซึ่งมีทั้งคนของเราไปล่อเขา และโดนเขาล่อ (ชิงทรัพย์) ระดับนี้รูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึง ต้องหลบอยู่มุมมืดหรือสลัวๆ เข้าไว้ ราคาหลักร้อยขึ้นไป ส่วนสถานที่ “ปิดจ๊อบ” มีทั้งมุมมืด บ้านร้างและห้องเช่าราคาถูก
นี่คือ ภาพรวมของบรรดาหญิงไทยหลายหมื่นชีวิตที่หลั่งไหลเข้ามาเสี่ยงโชค ณ เมืองบาป..ไม่ว่าคุณ หรือใครจะมองพวกเธออย่างไร....คำตอบสุดท้ายเราเชื่อว่าทุกชีวิตดิ้นรนทำไปเพื่อความอยู่รอด
Good guy goes to heaven Bad guys goes to Pattaya.
แต่ถ้าในมุมร้ายเมื่อพูดถึงพัทยาคุณจะคิดถึง....เกย์ดีกระหรี่ดัง....พัฒน์พงษ์มีชายหาดและทะเล ...เสื่อมโทรม - สกปรก - พลุกพล่าน - วุ่นวาย - สับสน...เมืองของคนบาปไม่มีคนดีเที่ยว ....โชว์ลามก...อาชญากรรม - ยาเสพติด....ฝรั่งต่างชาติกับผู้หญิงขายตัว....!!??
โสเภณีพัทยาในรูปแบบต่างๆ มีความเป็นมาอย่างไร ปัจจุบันมีมากขนาดไหน และในอนาคตรัฐบาลจะจัดการอย่างไร ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นปล่อยให้เป็นขี้ปากสื่อต่างชาติไปเรื่อยๆ หรือต้องงัดมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งมากำราบให้อยู่ในร่องในรอย ไม่ประเจิดประเจ้อหรือ “สุดโต่ง” อย่างที่เห็นที่เป็นกันอยู่
ข้อมูลจากการลงพื้นที่ และพูดคุยกับสาวน้อยจนไปถึงสาวใหญ่ใกล้หมดสภาพ พอจะสรุปได้ว่าหญิงสาวที่พากันมา “ขุดทอง” หรือมาตายเอาดาบหน้าที่เมืองคนบาปแห่งนี้ ส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่มิได้หมายความว่า ไม่มีภาคเหนือ - ใต้ - กลาง หรืออื่นๆ สรุปรวมว่ามาจากทุกสารทิศด้วยเหตุผลหลากหลาย แต่แน่นอนว่า ทุกชีวิตต้องการให้ตัวเองกับคนรอบๆ ข้างอันเป็นที่รัก มีความสุข มีบ้าน มีคุณภาพชีวิตที่ทัดเทียมกับคนอื่นๆ
เกือบ 100% ผ่านชีวิตครอบครัวมาแล้ว หลายคนล้มเหลว ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม พวกเธอพยายามดิ้นรนกันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทำไร่ไถนา เป็นลูกจ้างโรงงาน หรือกระทั่งมาขายบริการในกรุงเทพฯเมืองหลวง รวมทั้งตามมหานครเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
คนทำสวนทำไร่ไม่พอกินพอใช้ สาวแรงงานวันละไม่ถึง 300 บาท ทั้งที่อัตราค่าแรงขั้นต่ำกำหนดไว้อย่างนั้น ส่วนที่แฝงตัวตามคาราโอเกะ อาบอบนวด ทั้งโบราณและอาบอบ “นาบ” แผนปัจจุบัน วันหนึ่งต้องเจอภาวะ “ขายไม่ออก”....ทางออกก็คือ “พัทยา” เมืองที่เปิดโอกาสให้กับคนทุกเพศทุกวัย ...ขอให้มีคุณสมบัติ “ใจถึง” รูปร่างหน้าตาแค่พอไปวัดไปวาได้ แค่นี้ก็สามารถก้าวเข้าสู่วงจรของเมืองคนบาป...เมืองแห่งการเสี่ยงโชคได้แล้ว
บทที่ 1 ของการขายนาแปลงน้อย คือ เป็นพนักงานอาบ อบ นวด หรือนวดแผนโบราณแฝงตัว....ลักษณะนี้เหมาะกับคนที่ไม่กล้า “บินเดี่ยว” คอยตั้งรับมากกว่ารุก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีทั้ง ฝรั่ง - เอเชีย รวมทั้งคนไทย สนนราคาเริ่มที่ 1,500 บาท จนถึง 2,500 บาท หักให้กับเจ้าของสถานที่ 40 -50% ที่เหลือจึงเป็นส่วนที่ได้รับ...วิธีสู่ความสำเร็จจะต้องทำรอบให้ได้มากๆ หรือเอาใจแขกนักท่องเที่ยวให้กลับมาซ้ำ...บางคนอาจมีพลุ๊กได้รับข้อเสนอเลี้ยงดูเป็นบ้านหลังที่ 2 ซึ่งนับเป็นความฝันของสาวน้อยสาวแก่ทุกคน
บทที่ 2 แฝงตัวอยู่ในคาราโอเกะ ประเภทนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย และเป็นคนที่เข้ามาทำงานในพัทยา มีทั้งลูกจ้าง กะเทย หญิง - ชาย ขายบริการ...จัดอยู่ในโหมตไทยเที่ยวไทย - รักเมืองไทย กินของไทย - ใช้ของไทย เดือนๆ รายได้แค่พอกินพอใช้ พออยู่ได้ไม่หวือหวา เห็นได้มากแถวถนนพัทยาสาย 3
บทที่ 3 “สาวบาร์เบียร์” ไล่มาจากย่านนาเกลือ ทั้งแถบยันวงเวียนโลมา และเลียบชายหาด กับซอยบัวหลวง...สาวๆ ส่วนใหญ่นิยมดื่ม - กิน เป็นทุนอยู่แล้ว จึงเลือกปักหลักทำมาหากินแบบนี้ ส่วนลูกค้าขาประจำ คือ ชาวเยอรมัน กับ อิตาลี อาจเป็นเพราะเป็นขาเมากับชอบ “ของถูก” ไอ้หนุ่ม 2 ชาตินี้ จึงติดอกติดใจบรรยากาศบารืเบียร์มากกว่าชายชาติไหนๆ...สนนราคาแต่ “ช็อต” แบบชั่วคราว เริ่มตั้งแต่ 1,000 - 1,500 แต่มีกติกาจะต้อง “PAY BAR” หรือจ่ายค่าหัวคิวให้กับเจ้าของบาร์เบียร์ครั้งละ 400 บาท...นอกจากบาร์เบียร์แบบดั้งเดิม คือ ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็ขอแวบไป “กินตับ” กันเมื่อนั้นแต่ข่าวว่าบาร์เบียร์แถวนาเกลือใต้ ว่ากันสดๆ เดี๋ยวนั้นเลย กล่าวคือ มีห้องให้ “ช็อต” แบบเดินออกจากบาร์ไปไม่กี่ก้าว อัตราค่าบริการแสนถูกไม่เกิน 1 พันบาท...ข้อมูลระบุด้วยว่า เจ้าของบาร์เบียร์หลายแห่งเป็นอดีตหญิงไทยที่เข้ามาเสี่ยงโชคและได้สามีเป็นชาวต่างชาติ พวกนี้ลงทุนเปิดกิจการให้ หากพบเห็นหญิงไทยสูงอายุ ทาปากแดงๆ อยู่ในบาร์เบียร์ ขอให้เข้าใจว่าเธอคือเจ้าของ หรือที่เด็กๆ เรียกว่า “มาม่าซัง”
บทที่ 4 “สาวอะโกโก้” ตั้งอยู่ตลอดซอย 7 - 8 และ 13 กับริมถนนสายวอล์กกิ้งสตรีท สาวๆ ส่วนใหญ่หุ่นใช้ได้ จนถึงดี เปิดบริการตั้งแต่หัวค่ำยันตี 1 หน้าที่คือ แต่งกายวาบหวิว สุดจะคิดค้นมายั่วราคะ เต้นเด้งหน้าเด้งหลัง เต้นรูดเสา เต้นเรียกแขกหน้าร้าน มีรายได้จากดริงก์ และขายบริการ อัตรา 2 พันบาทอัป แต่ละครั้งต้องจ่ายค่า “PAY BAR” 600 บาท ราคานี้คือชั่วคราว ออกไปปฏิบัติภารกิจไม่เกิน 1 ชม. กลับมาเต้นกันต่อ วันไหนโชคดีมีลูกค้าเหมาอาจเป็นวัน - สัปดาห์ หรือ 1 เดือนตามระบบ “เมียเช่า” สุดแท้แต่จะตกลงกัน ส่วนใหญ่เริ่มจากสัปดาห์ละ 2 หมื่นบาท จนถึง 5 หมื่นบาทขึ้นอยู่กับ “ฝีปาก” และ “ฝีมือ” กลุ่มนักเที่ยวประกอบด้วย ชาวจีน (ชอบเอาแบงก์ 20 มาโปรยให้สาวอะโกโก้แย่งกัน) ญี่ปุ่น และฝรั่งตาน้ำข้าวทั่วไป
บทที่ 5 สาวนักบิน หรือสาวไซด์ไลน์ ประเภทนี้ทำมาหารัปทานอยู่ตามผับ - บาร์ต่างๆ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรตื่นขึ้นมากินข้าวกินปลาก็แต่งสวย เอาให้ “เริ่ด” เข้าตาหนุ่มน้อยหนุ่มแก่ให้มากที่สุด บางคน “บินเดี่ยว” เข้าผับ - บาร์ แต่วัน เลือกที่มีโปรโมชันมาก่อน 3 ทุ่มดื่มฟรี หรือลดราคา 50% แต่บางคนไปเป็นก๊วน...วิธีง่ายๆ คือ “อ่อย” เป้าหมายจนกว่าจะเจอ...แบบนี้อิสระตามความชอบ...ชอบใครก็อ่อยคนนั้น ส่วนราคาค่าบริการขึ้นอยู่กับความพอใจทั้งสองฝ่าย หรืออยู่ที่ความต้องการของลูกค้า ยิ่งคุยถูกใจ รูปร่างหน้าตาสะสวย ก็สามารถโก่งราคาได้ กลุ่มนักเที่ยว คือ รัสเซีย ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยียม ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย เป็นต้น
บทที่ 6 กลุ่ม “ผีต้นมะพร้าว” หรือนวลนางหน้าหาด...พวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มเตร็ดเตร่ หรือหากินอยู่ริมถนน เหมือนสาวประเภท 2 ประจำพัทยาซอย 6...กลุ่มนักเที่ยวมีทั่วไป แต่เป็นพวกกระเป๋าเบา หรือฝรั่งขี้นก เสี่ยงต่อโรคติดต่อ และอาชญากรรม ซึ่งมีทั้งคนของเราไปล่อเขา และโดนเขาล่อ (ชิงทรัพย์) ระดับนี้รูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึง ต้องหลบอยู่มุมมืดหรือสลัวๆ เข้าไว้ ราคาหลักร้อยขึ้นไป ส่วนสถานที่ “ปิดจ๊อบ” มีทั้งมุมมืด บ้านร้างและห้องเช่าราคาถูก
นี่คือ ภาพรวมของบรรดาหญิงไทยหลายหมื่นชีวิตที่หลั่งไหลเข้ามาเสี่ยงโชค ณ เมืองบาป..ไม่ว่าคุณ หรือใครจะมองพวกเธออย่างไร....คำตอบสุดท้ายเราเชื่อว่าทุกชีวิตดิ้นรนทำไปเพื่อความอยู่รอด
Good guy goes to heaven Bad guys goes to Pattaya.