MGR Online - ผบ.ตร.-บช.ปส.แถลงจับยาเสพติด 3 คดี เครือข่าย “ไซซะนะ” เพิ่มอีกขณะลำเลียงจากภาคเหนือล่องใต้ ได้ของกลางทั้งเฮโรฮีน-ยาไอซ์ 20 กก. และยาบ้าเกือบ 6 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชัยพร พาณิชอัตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.สยศ.ตร.ปฏิบัติราชการรอง ผบช.ภ.5 (ปส.) และตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 3 แถลงผลการจับกุม นายชาตรี แซ่เฮ้อ อายุ 24 ปี จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 5,880,000 เม็ด ไอซ์ 20 กก. รถกระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ, รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา, รถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณทางหลวงจังหวัดลำปางหมายเลข 1048 (เถิน-ทุ่งเสลี่ยม) ต.แม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส.กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ร่วมกับ สภ.แม่พริก สภ.เวียงมอก สภ.เถิน, ร้อย ร.ส.ที่ 2 (ร.17 พัน.2) เจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ บก.ขส.บช.ปส. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มคนไทยเชื้อสายม้งที่ใช้รถยนต์กระบะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย เพื่อนำเข้าสู่ตอนในของประเทศ โดยได้ใช้เส้นทางหลบด่าน X-ray แม่พริก จ.ลำปาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แสดงตัวขอตรวจค้นไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นโดยเร่งความเร็วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตามและใช้อาวุธปืนพกยิงยางรถกระบยี่ห้อฟอร์ด สีดำ แตกทั้ง 4 เส้น จึงหยุดรถไว้ได้ แต่ผู้ต้องหาได้เปิดประตูรถหนีเข้าป่าข้างทางไป และตรวจค้นในรถคันดังกล่าวพบยาบ้าของกลาง จากนั้นได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง เข้าไปในป่าตามเส้นทางหลบหนี พบนำของกลางไอซ์น้ำหนัก 20 กก.ทิ้งไว้ในป่าข้างทางและทิ้งรถไว้ใกล้กัน ส่วนคนในรถหลบหนีไป โดยสามารถจับกุมนายชาตรี แซ่เฮ้อ รถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว ที่ขับสำรวจเส้นทางไว้ได้ ขณะแยกย้ายกันหลบหนี
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สวข.ชม.บก.ขส.บช.ปส. และ เจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุม ขบวนการค้ายาเสพติด ผู้ต้องหารวม 3 คน คือ นายเรวัต (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี (เยาวชน) จ.สมุทรปราการ นายณัฐพงษ์ หรือบูม ทองสุข อายุ 21 ปี จ.ร้อยเอ็ด นายทิวากร ปานจันทร์ดี อายุ 23 ปี จ.สมุทรปราการ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 139 มัด กับ 9 ถุง รวมประมาณ 279,760 เม็ด ไอซ์ น้ำหนัก 16.55 กิโลกรัม ยาเค หรือเคตามีน น้ำหนักทั้งหมดประมาณ 3.20 กิโลกรัม รถจักรยานยนต์ 3 คัน และ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุมนายณัฐพงษ์ หรือบูม ได้ที่ปากซอยพระรามที่ 2 ซอย 25 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. จับกุมนายเรวัต หรือนนท์ ที่ริมถนนพุทธบูชา ซอย 5 ถนนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. และจับกุมนายทิวากรที่หน้าบ้านเลขที่ 149/10 ซ.สุขสวัสดิ์ 26 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม.
พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บช.ปส.ได้จับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ คือ นายณัฐพล หรือบอย นาคคำ หนึ่งในผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ นักค้ายาเสพติดชาวลาว แต่ยังมีเครือข่ายนักค้าเสพติดหลักในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยก่อนจับกุมชุดสืบสวนจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคเหนือส่งยาเสพติดจำนวนมากให้ เครือข่าย “เจ๊หมวย” เพื่อกระจายส่งต่อไปให้ลูกค้าใน กทม.ย่านฝั่งธนบุรี และปริมณฑล โดยมีนายเรวัตและนายณัฐพงษ์ทำหน้าที่เก็บพักยาเสพติดดังกล่าว แล้วให้นายเรวัตใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะคอยกระจายส่งให้ลูกค้าตามคำสั่งการของผู้ว่าจ้าง กระทั่งต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุพบนายเรวัตใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะรับยาบ้าจากนายณัฐพงษ์ที่ขับขี่จักรยานยนต์ของตนมาพบ โดยรับยาบ้ากันที่ปากซอย 25 ถ.พระราม 2 จึงจับกุมผู้ต้องหาไว้แล้วติดตามนายเรวัตพบนำยาบ้ามาส่งมอบให้กับนายทิวากรที่ริมถนนพุทธบูชา ซอย 5 จึงจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และ 3 ไว้ ตรวจค้นพบยาบ้าในความครอบครองของผู้ต้องหาที่ 1 แล้วควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 2 เข้าตรวจค้นห้องพัก (81/40 ซ.สุขสวัสดิ์ 26) พบยาบ้า ยาบ้า, ไอซ์, เคตามีน จึงยึดไว้เป็นของกลาง แล้วควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส.ดำเนินดคี
คดีที่ 3 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส.บก.น.8 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.8 ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายปราโมทย์ ไหมบัวเขียว อายุ 25 ปี จ.อุตรดิตถ์ นายสมชาย ทองประดิษฐ์ อายุ 52 ปี จ.อุตรดิตถ์ และ น.ส.ศรัณยา ม่วงจันทร์ อายุ 23 ปี จ.อุตรดิตถ์ พร้อมของกลาง คือ ไอซ์ จำนวน 80 ห่อ น้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม เฮโรอีน จำนวน 10 ก้อน น้ำหนักประมาณ 7.2 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิว x สีขาว ทะเบียน 2 กบ 9669 กทม. และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยจับกุมที่บริเวณบ้านเลขที่ 100/63 โครงการเดอะเบสท์ (หทัยราษฎร์) ถ.ไทยเจริญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กทม.เมื่อวันที่ 18 ก.พ.60 เวลา 10.00 น.
พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น. 8 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.น.8 ได้จับกุมยาเสพติดรายสำคัญก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดข้างต้นมีพฤติการณ์เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ร่วมกันรับยาเฮโรอีนและยาไอซ์ มาจากทางภาคเหนือแล้วนำไปซุกซ่อนใส่กล่องแล้วนำส่งทางพัสดุไปให้ลูกค้าทางภาคใต้ โดยใช้วิธีฝากไปกับรถโดยสารประจำทาง ก่อนวันเวลาจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเฝ้าติดตามดูพฤติการณ์พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดดังกล่าวได้นำยาเสพติดของกลางมาเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้น ต่อมาตามวันเวลาจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมด้วยของกลางตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้น ในส่วนเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องจะได้สืบสวนขยายผลติดตามจับกุมต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยครั้งนี้เป็นการผสานกำลังของตำรวจ บช.ปส. ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และกองทัพภาคที่ 3 สำหรับยาเสพติดส่วนใหญ่ร้อยละ 70 จะถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งยาเสพติดล็อตนี้เป็นของเครือข่ายชาวมูเซอ หากเล็ดลอดไปยังประเทศที่ 3 จะมีมูลค่าสูงถึงกว่า 3 พันล้านบาท ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการค้าเสพติดมีการปรับรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ วิธีการขนลำเลียง รวมทั้งเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตำรวจเองก็ต้องมีการปรับยุทธวิธีรวมทั้งมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทันกับขบวนการค้ายาเสพติดเหล่านี้ โดยต่อไปจะมีการซีลแนวตะเข็บชายแดนทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือที่ขบวนการค้ายาเสพติดมักใช้ในขนลำเลียงยาเสพติด มีการสำรวจบ้านร้างหรือบ้านเช่าในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่อาจถูกใช้เป็นที่พักยาเสพติด ทั้งนี้ นอกจากมาตรการป้องกัน และการปราบปรามแล้วก็จะมีการประสานกับสำนักงาน ป.ป.ส.ใช้มาตรการยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาเสพติดด้วย