ตามแนวนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “การพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ... มาตรการเชิงรุกในการเร่งปราบปรามผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน พื้นที่อุทยานและทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งด้วย
“กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง” ... 3 หน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในนามของ “ชุดพยัคฆ์ไพร ชุดพญาเสือ และชุดฉลามขาว” ภายใต้การดูแลของ น ายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ และ น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมอนุรักษ์ฯ
“ทรัพยากรป่าไม้เป็นมรดกล้ำค่าที่บรรพบุรุษเรารักษามาด้วยชีวิต ยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าไว้ คือ การยึดคืนฝืนป่ากลับมาให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะจากพวกนายทุน ซึงเราจะทำงานภายใต้กรอบและระเบียบของกฎหมาย จะไม่มีการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญชุดปฏิบัติการทั้งหมดก็ไม่ต้องการเหนื่อยฟรี”
นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กล่าวไว้ในโอกาสที่ได้รับมอบหมายจาก นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ให้เป็นตัวแทนแถลงผลการดำเนินการยึดคืนผืนป่า ของ 3 ชุดปฏิบัติการ คือ ชุดพยัคฆ์ไพร ชุดพญาเสือ และชุดฉลามขาว
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าทีมพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายรัชชัย พรพา หัวหน้าทีมฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง...หัวหน้าชุดกำลังหลักในการปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมในการแถลงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ผลงานการยึดคืนพื้นที่ป่าของทั้ง 3 กรม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ซึ่งปฏิบัติการอย่างเข้มข้น จริงจัง โดยใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ มาประยุกต์ สนับสนุน การป้องกันปราบปราม อาทิ อากาศยานไร้คนขับ และการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมติดตามการบุกรุกพื้นที่ป่า ภายใต้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิ.ย.57 และ ฉบับที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิ.ย.57
ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ดำเนินคดียึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกได้ จำนวน 332,891 ไร่ ชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินคดียึดคืนพื้นที่บุกรุกได้จำนวน 85,288 ไร่ และชุดฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชาย ฝั่ง (ทช.) ยึดคืนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกได้ จำนวน 27,552 ไร่
รวมผลการปฏิบัติของทั้ง 3 ชุด สามารถยึดคืนดำเนินคดีได้ 435,731 ไร่ แบ่งเป็นคดีบุกรุกเก่า (ก่อนปี 2557) จำนวน 342,105 ไร่ และคดีบุกรุกใหม่ (หลังปี 2557) จำนวน 88,000 ไร่ ในที่นี้เป็นการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าที่เป็นนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลได้เป็นจำนวนมากถึง 342,105 ไร่ ถือเป็นผลการดำเนินงานที่ต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์เพราะไม่เคยมีรัฐบาลยุคไหนไล่บี้เอาผิดกับนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลได้ขนาดนี้มาก่อน
สำหรับการดำเนินการตรวจสอบรีสอร์ทบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศเมื่อปี พ.ศ.2559 ชุดปฏิบัติการจากทั้ง 3 กรม ตรวจพบรีสอร์ทบุกรุก จำนวน 1,939 แห่ง ล่าสุดมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีการบุกรุกเพิ่มขึ้น จำนวน 2,212 แห่ง ได้ดำเนินการตรวจสอบเสร็จแล้ว 761 แห่ง อยู่ระหว่างตรวจสอบ 1,266 แห่ง และกำลังรอการตรวจสอบอีก 185 แห่ง
นายชีวะภาพ กล่าวว่า ในส่วนของชุดพยัคฆ์ไพรจะเร่งดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่ที่เรียกว่า ภูทับเบิก 2 เพราะมีสภาพที่เริ่มพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น รีสอร์ทที่รุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติใน จ.ระยอง จ.จันทบุรี รวมถึงเขตรอยต่อ จ.พะเยา ทั้งนี้จากการทำงานที่ผ่านมาพบว่าพื้นที่ป่าถูกบุกรุกทำลายมากที่สุดใน จ.เลย ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าที่เคยมีอยู่กว่า 1 ล้านไร่ ถูกทำลายเหลือเพียง 2-3 แสนไร่
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของชุดพญาเสือเตรียมจะเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ จ.สตูล พัทลุง และตรัง โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาบรรทัด ซึ่งเบื้องต้นพบการบุกรุกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเตรียมจับกุมดำเนินคดีในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างเขต ส.ป.ก. กับอุทยานแห่งชาติทับลาน รวมทั้งรื้อถอนรีสอร์ทที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วด้วย ทั้งนี้พบว่าอีกสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือพื้นที่ถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ ถูกเปลี่ยนมือไปแล้วกว่า 1 แสนไร่ ซึ่ง อส.จะต้องเร่งแก้ปัญหาต่อไป
นายรัชชัย กล่าวว่า ในส่วนของชุดฉลามขาวจะเตรียมดำเนินการในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ถูกบุกรุกทำเป็นนากุ้ง และเป็นของนายทุนกว่า 80% ทั้งนี้ได้ตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกทั้ง 12 จังหวัด พบว่าจังหวัดที่มีการบุกรุกป่าชายเลนมากที่สุด ได้แก่ จันทบุรี สตูล นครศรีธรรมราช กระบี่ และชุมพร ตามลำดับ โดยสำหรับเป้าหมายในปี 2560 จะทำการทวงคืนพื้นที่ป่าชายเลนจำนวน 15,000 ไร่ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี พังงา ตรัง และสตูล
โดยเป้าหมายในปี พ.ศ.2560 นี้ ทาง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยราชการอื่น มาทำงานร่วมกับ ชุดพยัคฆ์ไพร ชุดพญาเสือ และชุดฉลามขาว
เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในส่วนของพื้นที่ป่าที่อยู่บนเกาะต่างๆ จำนวน 936 เกาะ คิดเป็นพื้นที่สูงถึง 1.6 ล้านไร่และมีพื้นที่ป่าไม่น้อยกว่า 800,000 ไร่ ที่พบว่าเป็นการบุกรุกป่าใหม่เพื่อนำไปก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ รองรับการขยายตัวของธุรกิจการท่องเที่ยวตามเกาะขนาดใหญ่
เร็วๆ นี้ชุดปฏิบัติการพิเศษทั้ง ชุดพยัคฆ์ไพร ชุดพญาเสือ และชุดฉลามขาว กำลังจะมี “รังพยัคฆ์” หรือ “ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า” ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก บจก.เอสซีจี ซิเมนต์ -ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ลักษณะจะเป็นอาคารที่ตั้งรวมของชุดปฏิบัติการ จากทั้ง 3 กรม ซึ่งประกอบด้วย เสือ 2 ตัว และ ปลาฉลาม 1 ตัว มาอยู่ด้วยกันแบบเป็นวอร์รูม
รังพยัคฆ์แห่งนี้จะใช้เป็นทั้งวอร์รูม และศูนย์คอนโทรลข้อมูลของผู้บังคับบัญชาที่สามารถสั่งการทำงานได้โดยเครื่องมือเครื่องใช้อันทันสมัย มีอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อหรือลิงค์กับแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ที่ใช้ในการสั่งการทำงานของชุดปฏิบัติการพิเศษแต่ละพื้นที่ได้.
