สองคนร้ายใช้มีดจี้ชิงทรัพย์กลุ่มนักเรียนบริเวณท่าน้ำปากเกร็ด ได้โทรศัพท์มือถือไป 3 เครื่อง ขี่ จยย.หนีลอยนวล ตำรวจคาดเป็นกลุ่มตระเวนชิงทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เร่งตรวจกล้องวงจรปิดหารูปพรรณคนร้าย และติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 18 ก.พ. 60 ร.ต.อ.อภิศักดิ์ นิยมสุข ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายชิงทรัพย์ ที่บริเวณท่าน้ำปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจและชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นลานอเนกประสงค์ก่อนลงท่าเรือปากเกร็ด พบผู้เสียหายเป็นเยาวชน 4 คน คือ 1. นายโจ้ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียน ปวช.ปี 1 2. นายโอ๊ต (นามสมมติ) อายุ 15 ปี 3. น.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 4. น.ส.เบน (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ทั้งหมดกำลังเล่าเหตุการณ์ที่ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดพับแบบสั้นข่มขู่ และชิงทรัพย์สิน โดยคนร้ายได้โทรศัพท์มือถือไปจำนวน 3 เครื่อง เป็นโทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง จำนวน 2 เครื่อง และ ยี่ห้อทรูมูฟ 1 เครื่อง และหลบหนีไปโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบถาม นายโจ้ ทราบว่า ตน และ น.ส.ดา กลับจากงานวันเกิดเพื่อนที่ดอนเมือง และนั่งรถตู้สาธารณะกลับมาที่บิ๊กซีปากเกร็ด เพื่อแวะหาเพื่อน คือ นายโอ๊ตและ น.ส.เบน จากนั้นทั้งหมด 4 คน ได้ขับรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซูมเมอร์เอ็กซ์ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซ้อน 4 เพื่อจะไปส่งตนและ น.ส.ดา ที่ซอยวัดกู้ ระหว่างทาง นายโอ๊ต รู้สึกว่าคอรถ จยย. ที่ขับมานั้นไม่ตรง จึงได้จอดรถ จยย. ที่ท่าน้ำปากเกร็ด เพื่อช่วยกันดัดคอรถ จยย. ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นได้มีชาย 2 คนขับรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น MSX สีแดง-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เข้ามาวนที่ท่าน้ำ 1 รอบแล้วขับออกไป ตนคิดว่าเป็นคู่อริ ต่อมาคนร้ายทั้งสองได้ขับเข้ามาอีกรอบ และลงมาใช้อาวุธมีดข่มขู่ให้เอากระเป๋าเงินให้ดู เมื่อไม่มีเงินก็ส่งกระเป๋าเงินคืนมา จากนั้นคนร้ายได้ข่มขู่เอาโทรศัพท์ของตนและเพื่อนไปรวม 3 เครื่อง ก่อนหลบหนีไป ตนและเพื่อนจึงได้ขับรถ จยย. ไปที่ว่าการอำเภอปากเกร็ด เพื่อแจ้งความกับตำรวจที่ป้อมด้านหน้าอำเภอ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายทั้ง 2 คน น่าจะเป็นกลุ่มที่ตระเวนชิงทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จากนั้นจึงได้นำตัวผู้เสียหายทั้ง 4 คนส่ง สภ.ปากเกร็ด เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยหลังจากนี้ จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุว่าสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้หรือไม่ เพื่อหารูปพรรณคนร้ายและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป