“เบนซ์ เรซซิ่ง” เข้าพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. ยื่นหลักฐานแสดงที่มาที่ไปของรถลัมบอร์กินี เผยไม่ได้มีหมายเรียกแต่เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยันเงินซื้อรถมาจากกิจการตัวเอง ปัดใช้เงิน “ไซซะนะ” ด้านตำรวจเตรียมบุกเรือนจำสอบปากคำ “บอย” พรุ่งนี้ (17 ก.พ.) พาดพิงถึงใครจะเรียกมาสอบทั้งหมด
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ผู้สื่อข่าวรายบรรยากาศว่าได้มีกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมากมาดักรอทำข่าวกันอย่างคึกคัก หลังจากที่มีกระแสข่าวว่านายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง จะนำเอกสารเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจร้านตกแต่งรถบิ๊กไบค์ “area 51” ที่อยู่ภายในซอยอินทามระ 51 ถนนสุทธิสาร แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. เข้าชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) นายอัครกิตติ์ได้เดินทางไปเยี่ยมภรรยาสาว แพท-ณปภา ตันตระกูล ดาราสาวชื่อดัง ที่คลอดลูกชายที่ รพ.กรุงเทพคริสเตียน ก่อนให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ส่งหมายเรียกให้เข้าพบแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 14.50 น. ที่ บช.ปส. นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวพร้อมมารดาและทนายความ พร้อมนำเอกสารหลักฐานเข้ามาพบพนักงานสอบสวน บช.ปส. ซึ่งเมื่อนายอัครกิตติ์ได้ลงจากรถได้ยกมือไหว้สวัสดีพร้อมทั้งยิ้มทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว โดยมีตำรวจ บช.ปส.มารับอยู่บริเวณทางเข้าตึกกองบัญชาการก่อนเดินเข้าไปในตึกบัญชาการโดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวตามเข้าไปด้านใน
จากการสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง นายเบนซ์กล่าวว่า ตนไม่ได้มีหมายเรียกแต่อย่างใด เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และมอบเอกสารเพิ่มเติมหลายอย่าง อาทิ เอกสารการกู้ยืมเงินจากไฟแนนซ์ เอกสารที่มาที่ไปของรถลัมบอร์กินีให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับเรื่องเงิน 6 ล้านบาทนั้นตนได้ให้ข้อชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้วต้องรอสรุปอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ทางร้าน Area 51 ขาดทุนมา 3 ปีนั้น ขอให้รอข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้นำเงินของนายไซซะนะมาใช้ในการซื้อรถลัมบอร์กินี เงินที่นำมาซื้อมาจากการประกอบกิจการของตนเอง สำหรับการเข้าให้ปากคำในวันนี้ค่อนข้างจะชัดเจนขึ้นเพราะได้มีการนำเอกสารสำคัญมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และที่นายธนพลได้เข้าให้ปากคำและซัดทอดมายังตนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายไซซะนะนั้น ตนไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ได้นำหลักฐานมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นยังไม่มีการออกหมายเรียกใดๆ พร้อมทั้งไม่มีการแจ้งข้อหา และหากมีหลักฐานเพิ่มเติมจะนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ.สมเกียรติ วรรณสิริวิไล รอง ผบก.อก.บช.ปส.ในฐานะผู้ช่วยโฆษก ปส.เปิดเผยว่า วันนี้นายเบนซ์มาพบพนักงานสอบสวนและให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยนำเอกสาร 26 ชุด จำนวน 150 หน้า มามอบเป็นหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในเรื่องของธุรกิจ รายได้เสริมที่ประกอบธุรกิจ ไปจนถึงรายการต่างๆ เช่น การสั่งซื้อสินค้า เอกสารสัญญาต่างๆ เกี่ยวกับการโอนหรือซื้อขายรถยนต์ ซึ่งพนักงานสอบสวนรวบรวมไว้เพื่อเป็นหลักฐานชั่งน้ำหนักประกอบคำให้การ แต่ตอนนี้รอธุรกรรมการเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อมาสรุปความสัมพันธ์ในแต่ละส่วน และให้คณะพนักงานสอบสวนตัดสินใจอีกครั้งในสัปดาห์หน้า สำหรับเอกสารที่นายเบนซ์มอบมาถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบอกว่าเคลียร์ทุกประเด็นชัดเจนแล้ว แต่ตำรวจก็ต้องตรวจสอบว่าสัมพันธ์ต่างๆ นั้นสอดคล้องตรงกับคำให้การหรือไม่
พ.ต.อ.สมเกียรติกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่มีข้อสงสัยว่ารายได้นายเบนซ์ไม่น่าจะมีจำนวนมากเพียงพอที่จะซื้อรถได้นั้น ทางตำรวจยังไม่ได้ลงลึกถึงขั้นว่านายเบนซ์มีกำไรหรือขาดทุนในธุรกิจเท่าใด ขออนุญาตให้เป็นหน้าที่ของงานสอบสวนซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารายละเอียดการให้ข้อมูลในส่วนใดบ้างของนายเบนซ์ที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่ชุดสืบสวนมี เนื่องจากต้องกลับไปตรวจสอบเอกสารกว่า 150 หน้าให้ครบถ้วนเสียก่อน เพราะนายเบนซ์อ้างว่าไปกู้เงินไฟแนนซ์มา ซึ่งไฟแนนซ์ไปกู้ธนาคารมาอีกต่อ โดยต้องไปดูว่ากู้ไปทำอะไร ใช้ส่วนไหน ส่งให้ใคร แต่เบื้องต้นทราบว่านายเบนซ์นำเอกสารที่กู้จากไฟแนนซ์มาให้แล้ว แต่เอกสารที่ไฟแนนซ์ไปกู้จากธนาคารอีกต่อหนึ่งนั้นทางตำรวจจะต้องเป็นผู้ติดตามขอข้อมูลจากธนาคารเอง ในส่วนของกรณีว่าก่อนหน้านี้มีรถคันอื่นๆ ที่นายเบนซ์กู้ไฟเเนนซ์หาหรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้
พ.ต.อ.สมเกียรติกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนอื่นๆ ที่เป็นความเห็นทางคดี ไม่สามารถตอบได้ และสำนวนคดีนั้นเหลือในเรื่องธุรกรรมทางการเงินที่รอจากธนาคารและด้านความสัมพันธ์ทางการเงินต่างๆ ที่ชี้วัดว่าเกี่ยวพันกันอย่างไรกับนายบอยที่ถูกจับกุมไปแล้ว ทั้งนี้ สาเหตุที่มาให้การส่งข้อมูลทางธุรกรรมของนายเบนซ์มายังพนักงานสอบสวนล่าช้านั้นเป็นเพราะนายเบนซ์มีหลายบัญชี หากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงใครก็จะเชิญมาให้ปากคำ แต่ยืนยันว่าขณะนี้นายเบนซ์ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงมีสิทธิที่จะยื่นเอกสารให้พนักงานสอบสวนได้เสมอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังรับเอกสารในส่วนธุรกิจรวมไปถึงสัญญาซื้อขาย-กู้ยืมทุกอย่างเป็นส่วนสำคัญในการประกอบสำนวน หลังจากนี้อาจจะต้องเชิญนายเบนซ์มาพบอีกเนื่องจากมีทรัพย์ส่วนหนึ่งที่โดนอายัดไว้เป็นส่วนของ ป.ป.ส. ทั้งนี้ สำหรับยุทธการครั้งต่อไปนั้นไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องรอการรวบรวมข้อมูลและรายละเอียด หากพร้อมหรือพบผู้กระทำความผิดก็จะดำเนินการทันที
ด้านนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ทางเลขาธิการ ป.ป.ส.จะส่งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าไปสอบปากคำนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางกรุงเทพมหาครอีกครั้ง หลังจากที่มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายณัฐพลทั้ง 12 รายการ โดยเฉพาะประเด็นรถยนต์หรูยี่ห้อลัมบอร์กินี กัลลาร์โด มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จำนวน 2 คันที่เป็นชื่อของนายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ เป็นผู้ครอบครอง หากนายณัฐพลให้การพาดพิงถึงบุคคลใดก็จะเรียกมาสอบทั้งหมด นอกจากนี้ หากพบว่าพยานหลักฐานเกี่ยวข้องไปถึงนายอัครกิตติ์ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะเรียกให้เข้ามาชี้แจง พร้อมกับแจ้งข้อหาทันทีซึ่งภายในอาทิตย์หน้าก็จะทราบผลอย่างแน่นอน