สาวปทุมเคราะห์ร้ายซ้อนจักรยานยนต์ผ่านหนุ่มตกปลาริมถนน รพช. หมู่ 1 โดนเอ็นเบ็ดเกี่ยวดั้งพันคอ หวิดตาบอด เข้าแจ้งความ ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต โยนให้ไปหาพยานหลักฐานมา วอนพลเมืองดีขับรถผ่านทางมีกล้องหน้ารถช่วยติดตาม
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียล มีอุทาหรณ์เตือนภัย จากผู้ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Zee Kornkanok ซึ่งได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพจำนวน 3 ภาพ ระบุว่า อุทาหรณ์สำหรับคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์และคนที่มักง่ายตกปลาริมถนน!! เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28/01/2560 เวลา 17.40 น. ที่ถนนเส้นหลักหกมุ่งหน้าไปทางวัดนาวง ข้างทางมีคนตกปลาอยู่ริมถนน ขณะที่คนนั้นกำลังพยายามดึงคันเบ็ดซึ่งตะขอเบ็ดติดอะไรสักอย่างในน้ำ เรากับแฟนขับรถผ่านพอดีแล้ว เราก็โดนสายเบ็ดตกปลาที่เป็นเส้นเอ็นเหวี่ยงมาพันที่คอ (เราเป็นคนซ้อนท้ายแฟนเป็นคนขับ) เรารีบพยายามดึกออกจากคอแล้วสายเบ็ดก็ขาดออกจากตัวคันเบ็ดและมาพันที่หน้า คนที่ตกปลาพูดเหมือนจะรับผิดชอบแล้วก็หลบหนีไปอยากบอกคนที่ชอบตกปลาข้างถนน ว่า คุณควรคำนึงถึงคนที่เขาขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านว่ามันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ แต่ก็โชคดีที่ไม่โดนตาแล้วไม่บาดคอ หรือตกลงจากรถและรถไม่ล้ม ปล. อยากให้คุณตำรวจสอดส่องดูแล เพราะไม่ใช่สถานที่ตกปลา และอาจจะเกิดกับคนอื่นร้ายแรงกว่านี้ได้คะ
โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อผู้เสียหายทราบชื่อ น.ส.กรกนก แก้วจันทร์ หรือ น้องซี อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 7 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร พร้อม นายยุทธการ ชะวณิชย์ อายุ 22 ปี โดยทั้งสองคนเล่าว่า ได้ขับรถ จยย. เพื่อที่จะไปงานบวชญาติที่โรงเรียนวัดนาวง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนน รพช. หมู่ 1 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ได้ขับรถผ่านสวนชะอม ได้สังเกตเห็นมีคนตกปลาอยู่ 2 คน ต่อมา น.ส.กรกนก ถูกตัวเบ็ดเกี่ยวดั้งจมูก พร้อมกับสายเอ็นของเบ็ดพันรอบบริเวณใบหน้าและลำคอ ทำให้เกิดบาดแผล ซึ่งตัวเบ็ดที่เกี่ยวดั้งจมูกเกือบถูกดวงตา แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุไม่รับผิดชอบ โดยผู้กระทำผิดเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างล่ำสัน ผิวดำ ทรงผมชี้ๆ ส่วนอีกคนรูปร่างอวบๆ มีพุงร่างกายใหญ่โต จึงได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อนันต์ นามโภชน์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้ไปหาหมอรักษา โดยหมอบอกว่าแผลอาจจะเป็นแผลเป็น
ด้าน นางกัญญา บุญเรียง อายุ 49 ปี แม่ของ น.ส.กรกนก กล่าวว่า ทั้งนี้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหาผู้ทำผิดทั้ง 2 รายนี้ โดยตนเองไม่อยากให้เอาผิดอะไรมาก แต่อยากจะให้เขารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยในขณะนี้เราได้ไปแจ้งความแล้ว แต่เจ้าที่ตำรวจกลับให้เราไปหาพยานหลักฐานมาเอง โดยหากเจอผู้กระทำผิดเมื่อไหร่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ซึ่งตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับให้ผู้เสียหายมาตามหาเอง โดยลูกสาวและเพื่อนก็ต้องมาไล่ตามหาภาพกล้องจรปิดกันเอง ทั้งๆ ที่ลูกสาวของตนเป็นผู้บาดเจ็บแท้ๆ
ทั้งนี้ หมอบอกว่า แผลห้ามโดนแสงแดด และให้ระวังเรื่องการติดเชื้อของบาดแผล หากเกิดการติดเชื้อแล้วจะเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาดูในที่เกิดเหตุแต่อย่างใด จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการ ช่วยติดตามหาผู้ทำผิดดังกล่าวมารับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้ รวมถึงเตือนภัยถึงผู้ที่ใช้เส้นทางในช่วงเวลาดังกล่าวให้ระวังอุบัติเหตุลักษณะนี้ เพราะเป็นอันตรายมาก