“นารากร ติยายน” ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง พร้อมแอดมินเพจรักหมา เข้าแจ้งความตำรวจ ถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “นปรางห์มณี น้อยหน่า ทองอนันต์” หลอกโอนเงินค่ารักษาหมาแมวกว่า 3 หมื่นบาท เผยมีคนถูกหลอกรวมกว่า 11 คน มูลค่าหลักล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.นารากร ติยายน หรือต๊ะ นารากร ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง อายุ 49 ปี พร้อมนายตุลย์ บุนนาค อายุ 37 ปี แอดมินเพจรักหมา เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พิษณุ ทัศญาณ รอง สว.(สอบสวน) สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “นปรางห์มณี น้อยหน่า ทองอนันต์” ในข้อหาฉ้อโกง หลังถูกผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกให้โอนเงินช่วยค่ารักษาสัตว์ เป็นมูลค่ากว่า 30,000 บาท
น.ส.นารากรกล่าวว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “นปรางห์มณี น้อยหน่า ทองอนันต์” ได้ทักแชตมาหาตนทางข้อความส่วนตัว พร้อมนำภาพหมาและแมวที่ได้รับบาดเจ็บ และป่วยเป็นโรคมายังตนพร้อมขอให้ช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือ ด้วยความที่ตนรักและชอบช่วยเหลือสัตว์อยู่แล้วจึงตัดสินใจโอนเงินช่วยเหลือไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 หลังจากนั้นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้ทักแชตมาเพื่อขอเงินอีกหลายครั้ง โดยอ้างว่าเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารสัตว์ ฯลฯ รวมอีกกว่า 10 ครั้ง รวมยอดเงินที่โอนไปกว่า 30,000 บาท ซึ่งตนก็เริ่มเอะใจ แต่ยอมรับว่าพลาดเองที่ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบว่ามีการนำเงินไปช่วยเหลือสัตว์จริงหรือไม่ และไม่ได้ขอดูความคืบหน้าการรักษาแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาเห็นข่าวว่านายตุลย์ แอดมินเพจรักหมา เข้าแจ้งความต่อตำรวจ บก.ปอท.ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว จึงติดต่อไปยังนายตุลย์กระทั่งทราบว่าถูกหลอกจึงตัดสินใจมาแจ้งความ
“อยากจะฝากไว้สำหรับคนที่จะช่วยเหลือหมาแมว ว่าไม่อยากให้ไม่ไว้ใจจนไม่ช่วยเลย เพราะบางกรณีก็มีคนที่เป็นคนดี และต้องการช่วยเหลือสัตว์จริงๆ แต่อยากให้ตรวจสอบให้ดีเพื่อป้องกันการถูกหลอก ขณะที่พลเมืองดีที่รับบริจาคก็ควรที่จะชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน ให้ผู้ที่มีช่วยเหลือสบายใจว่าเงินพวกเขาได้ช่วยเหลือสัตว์อย่างแท้จริง” น.ส.นารากรกล่าว
ด้านนายตุลย์กล่าวว่า ตนพา น.ส.นารากรมาแจ้งความ และจะให้ปากคำต่อตำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีบุคคลที่ถูกเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกรวมแล้วกว่า 11 ราย รวมมูลค่าหลักล้านบาท เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนรับเรื่องพร้อมลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนจะประสานตำรวจ บก.ปอท.เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลและติดตามผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวมาสอบปากคำต่อไป